หนึ่งในไอคอนของการประสบความสำเร็จในชีวิตของใครหลายคนคือนาฬิกาแบรนด์ระดับโลกอย่าง Rolex ว่าแต่สังเกตกันมั้ยครับว่าช่วงนี้หาซื้อ Rolex ยากมาก ส่วนราคารีเซลก็พุ่งสูงปรี๊ดเลย แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้โรเล็กซ์หายากกว่าเดิม มาดูกันครับ
ทำไมถึงหาซื้อ Rolex ยากกว่าเดิม
1. สินค้าผลิตไม่ทันต่อความต้องการ
เนื่องจากการผลิตนาฬิกา 1 เรือนของโรเล็กซ์นั้นจะใช้วัสดุคุณภาพสูงและผลิตด้วยมือของผู้เชี่ยวชาญแต่ละศาสตร์ในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น Oystersteel, ทองคำ 18 กะรัต หรือแพลทินัม 950 หรือหน้าปัดที่ทำจากไข่มุก อุกกาบาต หรือผลึกทอง ซึ่งวัสดุเหล่านี้ผ่านการทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อสมรรถนะที่ดีที่สุดในการใช้งานทั้งบนบกหรือใต้น้ำ ไม่บุบสลายตามกาลเวลาได้ง่าย ๆ อีกทั้งกลไกที่ซับซ้อนจนไม่มีใครเลียนแบบได้ 100% ทำให้เป็นโรเล็กซ์ที่ดึงดูดใจของคนรักนาฬิกาทั่วโลกได้ไม่ยาก โดยเฉพาะรุ่น Limited Edition ที่วางจำหน่ายปุ๊บก็หมดปั๊บ แล้วที่สำคัญในบางรุ่นได้มีการปรับดีไซน์ใหม่ ทำให้รุ่นเก่าที่วางจำหน่ายกลับเป็นของหายากที่นักสะสมตัวยงต่างต้องการไว้ในครอบครอง แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้นำมาขายเนื่องจากมูลค่าทางใจที่ประเมินไม่ได้ ก็ยิ่งทำให้นาฬิกาโรเล็กซ์หายากทวีคูณด้วย
2. วิกฤตการณ์โควิด-19
หลังจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ระบาดในปี 2020 ทำให้โรงงานโรเล็กซ์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ต้องหยุดการผลิตไปหลายเดือน ซึ่งทางแบรนด์ได้ออกมายืนยันว่าจะไม่เพิ่มกำลังผลิตนาฬิการุ่นที่ได้รับความนิยมสูง เพราะทางแบรนด์ต้องการเพิ่มมูลค่าในระยะยาวให้แก่ผู้ครอบครอง และไม่ต้องการลดคุณค่าของสินค้าลงด้วย
3. มีกลุ่มคนสะสมมากขึ้น
เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่สร้างคุณค่าในตัวเองผ่านนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ออกมาขับเคลื่อนโลกของนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็วในการแข่งขันรถยนต์อย่างรุ่น Daytona, เรื่องกันน้ำสำหรับดำน้ำลึกอย่าง Submariner หรือแม้แต่การเป็นผู้บุกเบิกวงการนาฬิกาข้อมือเป็นแบรนด์แรกของโลกอย่างรุ่น Oyster Perpetual Datejust ทำให้มีภาพจำว่าเป็นนาฬิกาของผู้ที่ประสบความสำเร็จ และเป็นที่นิยมในหมู่ผู้มีชื่อเสียงมากมาย ยกตัวอย่างผู้มีชื่อเสียงที่ใส่โรเล็กซ์ ได้แก่ Rolex Daytona Paul Newman ของ Paul Newman นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง และ Rolex Explorer ของ John Hunt, Baron Hunt นักปีนเขาผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ในปี 1953 จึงเป็นการยกระดับการใช้งานของโรเล็กซ์แล้วว่าไม่ใช่แค่นาฬิกาสำหรับใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นไอเทมแฟชั่นหรือเครื่องแสดงฐานะและความประสบสำเร็จของบุคคลนั้น ๆ ด้วย
4. เห็นโอกาสในการทำกำไร
ด้วยความที่เป็นของหายากเพราะผลิตน้อย รวมถึงมีคนต้องการเป็นเจ้าของมากขึ้น ทำให้ใครหลายคนที่มีกำลังทรัพย์มากพอ ต้องการซื้อมาเก็บไว้เพื่อรอวันขายเก็งกำไร โดยเฉพาะช่วงหลังมานี้ที่โรเล็กซ์หาซื้อยากและราคาดีดขึ้นเป็นเท่าตัวหรือ 2 เท่าตัวในตลาดรีเซล เพราะช่วงหลังมานี้มีคนที่มีกำลังซื้อที่พร้อมจ่ายในราคาสูง(มาก ๆ )เยอะขึ้น ส่งผลให้ราคาที่จะปล่อยขายก็เพิ่มมากขึ้น รวมถึงค่าเงินเฟ้อที่พุ่งสูงทำให้นาฬิกาโรเล็กซ์สามารถทำกำไรได้มหาศาลเทียบเท่ากับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เลยก็ว่าได้ จากการศึกษาโดยสมาคมอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิตเซอร์แลนด์ พบว่าในปี 2021 มีการส่งออกนาฬิกาแบรนด์หรูเพิ่มขึ้นถึง 7.6% หากเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 71,000 ล้านบาท ดังนั้นหากใครที่มีโรเล็กซ์รุ่นเก่าขึ้นหิ้งทั้งหลายแล้วนำมาปล่อยขายในช่วงนี้คงได้กำไรเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว
Rolex รุ่นยอดนิยมตลอดกาล
1. Rolex Daytona
1 ในนาฬิการุ่นดังที่นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องของการใช้งานในสนามแข่งรถแล้ว ยังเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมด้วย โดยจุดเริ่มต้นของความนิยมมาจาก Joanne Woodward ภรรยาของ Paul Newman นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังและนักแข่งรถในยุคนั้น ซื้อนาฬิการุ่นนี้โดยสลักคำว่า Drive carefully me ให้พอลใส่ขณะแข่งรถ ด้วยความรักในตัวภรรยา พอลจึงใส่นาฬิกาเรือนโปรดนี้ไปแทบจะทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในงานแสดงหรือการแข่งขันใด ไม่ว่าจะเป็นขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Winning หรือแม้แต่การแข่งขันครั้งสำคัญของเขาอย่าง Lime Rock Racing เมื่อนาฬิกาเรือนนี้ออกสู่สายตาประชาชนมากขึ้น จึงเป็นรุ่นที่ใครหลายคนต้องการ โดยราคาของนาฬิการุ่นนี้เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว จากเดิมอยู่ที่ 7,000 บาท กลายมาเป็น 7,500,000-32,000,000 บาท จนกระทั่งครอบครัว Newman ตัดสินใจนำไปประมูลเพื่อนำรายได้ทั้งหมดส่งมอบให้มูลนิธิ Newman’s Own เพื่อสานต่อโครงการอาหารออร์แกนิกของ Neil ที่อยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีขึ้น มีผู้ประมูลไม่ประสงค์ออกนามประมูลไปในราคา 17,752,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 610,000,000 บาท ส่วนราคามือสองจะอยู่ประมาณ 920,000 – 2,100,000 ล้านบาท
จุดเด่นของ Daytona อยู่ที่มาตรวัดความเร็ว Tachymeter ขนาดใหญ่กว่านาฬิกาทั่วไป เหมาะสำหรับจับความเร็วในสนามแข่ง ทางโรเล็กซ์ได้เปลี่ยนปุ่ม Pusher ใหม่ให้เป็นแบบ Screw-in เพื่อให้กันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วน Manual Mechanical Movement ที่ใช้ตั้งแต่รุ่นแรกก็ถูกปรับปรุงต่อเพื่อเพิ่มระบบซึมซับแรงกระแทก นอกจากนี้ยังเพิ่มขนาด Escapement เพื่อความแม่นยำเที่ยงตรงที่มากขึ้น, ลดความถี่ลงให้เหลือ 28,800 เพื่อยืดอายุการใช้งานและประหยัดพลังงานมากขึ้น, ตัดฟังก์ชันวันที่ออก รวมถึงใช้ชิ้นส่วนเพียง 50% ของกลไกดั้งเดิมที่มีมากถึง 400 ชิ้น
2. Rolex Oyster Perpetual Datejust
นาฬิการุ่นแรกของโลกที่เกิดจากไอเดียการทำนาฬิกาข้อมือโดย ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐาน Official Watch Rating Centre จากสถาบัน C.O.S.C มาพร้อมกับขนาดกรอบ 36 mm และจุดเด่นสำคัญอยู่ที่ตัวเลขบอกวันเวลาชัดเจน บนหน้าปัดบริเวณ 3 นาฬิกา, ใช้ Cyclops lens ช่วยให้มองเห็นวันที่ชัดเจนมากขึ้น มาพร้อมสาย Jubilee เป็นสายที่เกิดจากข้อต่อเรียงกัน 5 ชิ้น, มีขอบหน้าปัดแบบร่อง ส่วนตัวเรือน Oyster case นั้นสามารถกันน้ำได้เช่นกัน ซึ่งเป็นจุดเด่นและกลายมาเป็นมาตรฐานของ Rolex Datejust มาถึงปัจจุบัน ปัจจุบันมีออยส์เตอร์ให้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่
- White Rolesor (ผสมผสานระหว่าง Oystersteel และทองคำขาว) มาพร้อมหน้าปัดลายดอกไม้สีฟ้าอัซซูร์โร
- Oyster Yellow gold 18 กะรัต มาพร้อมหน้าปัดลายดอกไม้สีเขียวมะกอก ส่วนขอบหน้าปัดประดับเพชรเจียระไนเหลี่ยมเกสร 46 เม็ด
- President Everose Rolesor (ผสมผสานระหว่าง Oystersteel และ Everose gold) มาพร้อมหน้าปัดลายดอกไม้สีเงิน ขอบหน้าปัดประดับเพชรเจียระไนเหลี่ยมเกสร 46 เม็ด และสายนาฬิกา Jubilee
ราคา Oyster Perpetual ที่วางจำหน่ายในช็อปอยู่ที่ 200,000 บาท แต่ราคารีเซลในปัจจุบันคาดว่าน่าจะอยู่ที่ 1,000,000 บาทขึ้นไป ส่วนราคาในต่างประเทศมีการปรับขึ้นมาเป็น 47,476 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2022
3. Rolex Submariner
นาฬิกากันน้ำขั้นเทพจากโรเล็กซ์ที่เกิดจากไอเดียการทำ Diving Watch เพื่อผู้ดำน้ำลึกโดยเฉพาะ รุ่นนี้สามารถกันน้ำที่ระดับความลึก 10,335 ฟุต และใช้งานได้ดีแม้จะอยู่ใต้น้ำลึก 3,000 เมตรแล้วก็ตาม นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องกันน้ำแล้ว ซับมารีเนอร์ยังเป็นที่รู้จักจาก Sean Connery ผู้รับบท James Bond ในภาพยนตร์เรื่อง 007 ปี 1962 โดยเฉพาะที่ฌอนใส่ขณะที่ถ่ายฉากต่อสู้ใต้น้ำ ทำให้ซับมารีเนอร์เป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จุดเด่นของ Submariner อยู่ที่ขอบหน้าปัดหมุนได้ มาพร้อมขอบโค้งยึดเกาะขณะตั้งเวลาดำน้ำ, การหมุนแบบสเกลต่อสเกล จะมีเสียงคลิกเพื่อบอกฟังก์ชั่นการทำงาน ส่วนแคปซูลเรืองแสง Chromalight ช่วยให้มองเห็นนาฬิกาขณะดำน้ำในที่มืด โดยขอบหน้าปัดนี้ผลิตจากเซรามิก ทำให้ทนทานต่อการกัดกร่อน นอกจากนี้ยังมีการสลักขั้นบอกเวลา 60 นาที ช่วยให้ควบคุมเวลาดำน้ำและหยุดเพื่อปรับแรงดันได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย, ขอบหน้าปัด Cerachrom ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี, ตัวเรือนจะไม่เปลี่ยนแม้เจอกับสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ทั้งแสงแดดและคลอรีน, ตัวเรือน Oyster กันน้ำได้ในระดับความลึก 300 เมตร หรือ 1,000 ฟุต นอกจากนี้ยังป้องกันฝุ่น แรงดันและแรงกระแทก ส่วนเม็ดมะยม Trilock ก็ถูกติดตั้งมาพร้อมระบบกันน้ำถึง 3 ชั้น โดยยึดเข้ากับตัวเรือนอย่างแน่นหนา และที่สำคัญตัวสายถูกออกแบบให้ทนทานและสวมใส่สบาย มาพร้อมกับชุดตัวล็อก Oysterlock ป้องกันสายเลื่อนหลุดออกเอง และระบบขยายสายนาฬิกา Glidelock ช่วยปรับความยาวสายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วย
จากข้อมูลล่าสุดราคาปกติของซับมารีเนอร์จะอยู่ที่ 300,000 บาท หากซื้อข้างนอกอาจต้องจ่ายเกือบเท่าตัวในราคา 500,000 บาท ส่วนราคาในต่างประเทศมีการปรับขึ้นมาถึง 10.6% จากเดิมอยู่ที่ 13,150 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2021 ขึ้นมาเป็น 14,550 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2022
สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านรับซื้อนาฬิกา Rolex ที่มีมาตรฐานและมีชื่อเสียงเป็นเวลานาน รวมถึงมีหน้าร้านหลายสาขาให้ท่านเลือกใช้บริการ ทางเรา BKK DIAMOND มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการท่านตลอด 24 ช.ม. เพื่อให้ท่านได้ราคาที่ดีและตรงกับความต้องการของตลาดที่สุด นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับทอง, เงิน, นาก, นาฬิกาแบรนด์และสินค้าอื่นๆ ให้ท่านเลือกมากมาย รวมถึงช่องทางติดต่อที่หลากหลายเพื่อให้ทุกท่านมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้บริการกับเรา