หากพูดถึงหนึ่งในนาฬิกาแบรนด์เนมที่หลายคนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะในฐานะเครื่องประดับล้ำค่าหรือสินทรัพย์เก็งกำไร Rolex ถือเป็นหนึ่งในนาฬิกาแบรนด์เนมที่ตอบโจทย์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ Rolex Sport ซึ่งถือเป็นโรเล็กซ์รุ่นยอดนิยมที่ใคร ๆ ต่างก็อยากจับจองเป็นเจ้าของ วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับโรเล็กซ์รุ่นเหล่านี้มาฝากครับ
1. Rolex Daytona
เริ่มต้นด้วยโรเล็กซ์รุ่นยอดนิยมอย่าง เดย์โทน่า โรเล็กซ์รุ่นนี้ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในวงการแข่งรถมืออาชีพ เพราะเดย์โทน่ามาพร้อมสมรรถนะที่เอื้อต่อการแข่งขันด้วยความเร็วสูง ทั้งมาตรวัดความเร็ว, ส่วนแสดงเวลาทั้งหมด 3 ช่อง และปุ่มกดด้านข้าง ซึ่งจะช่วยให้นักแข่งรถจับเวลาที่ใช้ไปได้เป็นอย่างดี ด้วยการแสดงรูปแบบเป็นชั่วโมง นาที และวินาทีบนหน้าปัด สำหรับชั่วโมงและนาทีจะปรากฏบนนาฬิกาแบบเด่นชัดที่บริเวณ 9 และ 3 นาฬิกา ส่วนช่วงวินาทีสามารถอ่านผ่านเข็มแสดงเวลาตรงกลางด้วยปลายเข็มรูปลูกศร ซึ่งจะแสดงเวลา 60 วินาทีบนหน้าปัด ส่วนขอบหน้าปัดประกอบด้วยสเกลวัดระยะทางสำหรับคำนวณความเร็วเฉลี่ยตามระยะทาง โดยอิงจากเวลาที่ใช้ไป ทั้งนี้เดย์โทน่าสามารถวัดความเร็วได้มากถึง 400 หน่วยวัดต่อชั่วโมง โดยแสดงเป็นหน่วยไมล์หรือกิโลเมตร ส่วนฟังก์ชันโครโนกราฟของรุ่นนี้ทำงานผ่านปุ่มกดที่ตอกเหมือนเม็ดมะยม การกด 1 ครั้งเพื่อเริ่ม/หยุด/ตั้งค่านาฬิกาใหม่ โดยสังเกตได้จากเสียงคลิกที่ดังชัดเจน
เดย์โทน่าประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ที่มีน้อยกว่านาฬิกาโครโนกราฟมาตรฐาน และที่สำคัญมี calibre 4130 หรือกลไกการไขลานอัตโนมัติที่ถูกผลิตและพัฒนาขึ้นโดยโรเล็กซ์ ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่ให้เพียงพอต่อเมนสปริงที่ใหญ่ขึ้น สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 72 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังส่งผลให้เริ่มต้นเวลาได้อย่างเที่ยงตรงและหยุดเข็มแสดงวินาทีได้อย่างราบรื่น แถมยังทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานโดยที่เวลาไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย ส่วนขอบหน้าปัดเซรามิก Cerachrom ยังช่วยให้ขอบหน้าปัดทนทานต่อการใช้งาน ทั้งรอยขีดข่วน การกัดกร่อนจากเหงื่อ และรังสี UV อีกด้วยครับ
นอกจากวงการแข่งรถแล้ว เดย์โทน่ายังเป็นที่รู้จักในฐานะนาฬิกาแห่งความรักของนักแสดงฮอลลีวู้ดและนักแข่งรถชื่อดังในสมัยนั้น Paul Newman โดย Joanne Woodward ภรรยาของพอล ได้มอบนาฬิการุ่นนี้พร้อมสลักข้อความไว้ด้านหลังตัวเรือนว่า Drive Carefully Me แปลว่า “ขับระวัง ๆ นะคะ จากฉัน” ซึ่งพอลสวมใส่นาฬิกาเรือนนี้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นงานแสดงภาพยนตร์ หรือการแข่งรถก็ตาม ส่งผลให้เดโทน่าออกสู่สายตาสาธารณชนมากยิ่งขึ้นและกลายเป็นที่ต้องการของตลาดมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับราคาของเดย์โทน่า เริ่มต้นอยู่ที่ 1,296,900 บาท (ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566) อ้างอิงจากเว็บไซต์ Rolex
2.Rolex Submariner
มาต่อด้วยโรเล็กซ์รุ่นที่ 2 อย่างซับมารีเนอร์ ซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับการดำน้ำโดยเฉพาะ และกลายมาเป็นมาตรฐานของบการผลิตนาฬิกากันน้ำทั่วโลก เริ่มต้นจากแนวคิดที่ต้องการผลิตนาฬิกาที่สามารถกันน้ำลึกได้ ในช่วงแรกซับมารีเนอร์สามารถกันน้ำได้ที่ระดับความลึก 100 เมตร (330 ฟุต) ในปี 1926 และได้พัฒนามาเป็น 300 เมตร (1,000 ฟุต) ในเวลาต่อมา ซับมารีเนอร์มาพร้อมตัวเรือนออยสเตอร์ขนาด 41 มม. และหน้าปัดที่มีมาร์คเกอร์แสดงชั่วโมงเรืองแสงขนาดใหญ่ และที่สำคัญยังมีขอบหน้าปัดเซราโครมแบบหมุนได้ เพื่อช่วยให้นักดำน้ำสามารถควบคุมเวลาดำน้ำ หรือหยุดปรับแรงดันได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ส่วนขอบหน้าปัดเซราโครมผลิตจากเซรามิกที่มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนจากคลอรีน อีกทั้งป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเม็ดมะยม Triplock ที่ถูกยึดติดกับระบบกันน้ำถึง 3 ชั้น ช่วยป้องกันน้ำได้อย่างแน่นหนา ตัวหน้าปัดแสดง Chromalight ช่วยให้นักดำน้ำมองเห็นในพื้นที่ที่มืดใต้น้ำลึกได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ตัวเข็มแสดงชั่วโมงถูกออกแบบมาให้ใหญ่และเรียบง่าย ด้วยรูปทรงสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม และวงกลม ช่วยเพิ่มความสะดวกในการอ่านเวลาให้แก่นักดำน้ำมากกว่านาฬิกาทั่วไปอีกด้วย
ซับมารีเนอร์เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างจากการที่ Hans Wilsdorf เจ้าของโรเล็กซ์ได้นำนาฬิกากันน้ำรุ่นนี้ไปให้นักกีฬาว่ายน้ำ Mercedes Gleitze สวมใส่ขณะว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษ เพื่อพิสูจน์ให้สาธารณชนเห็นว่านาฬิกาของเขาสามารถกันน้ำได้ หลังจาก Gleitze ว่ายถึงฝั่งได้สำเร็จก็พบว่าซับมารีเนอร์สามารถบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงโดยที่ไม่มีน้ำเข้าไปยังตัวเรือนแม้แต่น้อย หรือแม้แต่ Dimitri Rebikoff วิศวกรและนักสำรวจชาวฝรั่งเศสก็ได้ออกดำน้ำมากถึง 132 ครั้ง ภายใน 5 เดือน ก็ยิ่งพิสูจน์ให้เก็นแล้วว่าซับมารีเนอร์เป็นนาฬิกาเรือนสำคัญที่นักดำน้ำทุกคนขาดไม่ได้
สำหรับราคาของซับมารีเนอร์ เริ่มต้นอยู่ที่ 329,900 บาท (ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566) อ้างอิงจากเว็บไซต์ Rolex
3. Rolex GMT-MASTER II
สำหรับโรเล็กซ์รุ่นที่ 3 อย่าง จีเอ็มที มาสเตอร์ ทู มาพร้อมจุดเด่นตรงในเรื่องของการแสดงเขตเวลาได้ 2 เขตพร้อมกัน เหมาะสำหรับนักเดินทางมืออาชีพและผู้ที่ทำงานสายการบินโดยเฉพาะ สำหรับขอบหน้าปัดเซราโครมแบบหมุนได้ 2 ทิศทาง ผลิตจากเซรามิกด้วยเทคนิคเฉพาะของโรเล็กซ์ที่ผ่านการหล่อแบบชิ้นเดียวซึ่งช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ทนต่อการกัดกร่อนสูง อีกทั้งไม่ซีดจางตามกาลเวลาอีกด้วย และอีกหนึ่งจุดเด่นหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตา นั่นคือการทำขอบสีแดงและสีน้ำเงิน สำหรับแบ่งช่วงเวลากลางวัน (สีแดง) และกลางคืน (สีน้ำเงิน) ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ตัวเลขและเครื่องหมายอื่น ๆ ที่สลักลงในเซรามิกนั้นผ่านการเคลือบด้วยทองคำ หรือแพลทินัม โดยใช้เทคนิคไอเชิงฟิสิกส์ (PVD) จนมีความหนาประมาณ 1 ไมครอน และขัดเงาเพื่อให้เรียบเนียนเงางามยิ่งขึ้น ตัวหน้าปัดเมธีโอไรท์ผลิตจากชิ้นส่วนของอุกกาบาตโลหะหายากทำให้เกิดลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละเรือน
จีเอ็มที มาสเตอร์ ทู สามารถหมุนเม็ดมะยมได้โดยไม่ต้องหยุดการทำงานของนาฬิกา จึงช่วยให้นักเดินทางสามารถปรับเปลี่ยนเวลาให้ตรงตามเวลาท้องถิ่น ช่วยให้อ่านเวลาท้องถิ่นได้อย่างแม่นยำ พ่วงด้วย Calibre 3285 ซึ่งเป็นกลไกการไขลานอัตโนมัติที่ช่วยให้นาฬิาบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงและทนทานต่อแรงกระแทก สนามแม่เหล็ก ทั้งช่วยสำรองพลังงานประมาณ 70 ชั่วโมงอีกด้วยครับ นอกจากนี้ยังประกอบด้วยชุดตัวล็อกนิรภัยออยสเตอร์ (Oysterlock) ป้องกันสายเลื่อนออกโดยไม่ตั้งใจ และเพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบ Easylink ช่วยขยายสายได้ประมาณ 5 มม.
จีเอ็มที มาสเตอร์ ทู เปิดตัวครั้งแรกในปี 1955 ซึ่งเป็นช่วงปีที่มีการเดินทางข้ามทวีปกันอย่างมากมาย โดยจีเอ็มทีได้เดินทางไปพร้อมกับนักบินทดสอบชาวอังกฤษและชาวฝรั่งเศสด้วยเครื่องบินโดยสารที่บินด้วยความเร็วสูง หลังจากนั้นมา จีเอ็มที จึงกลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น และกลายมาเป็นนาฬิกาอย่างเป็นทางการของสายการบิน Pan American World Airways (Pan Am) สำหรับราคาของจีเอ็มที มาสเตอร์ ทู เริ่มต้นอยู่ที่ 405,800 บาท (ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566) อ้างอิงจากเว็บไซต์ Rolex
4. Rolex Yacht‑Master Oyster
มาถึงโรเล็กซ์รุ่นสุดท้ายกันแล้วครับ กับ ยอร์ช มาสเตอร์ ออยสเตอร์ หนึ่งในรุ่นที่นิยมมากที่สุกตลอดกาลของโรเล็กซ์ ยอร์ช มาสเตอร์ผลิตขึ้นในปี 1950 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแล่นเรือใบโดยเฉพาะ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่การสร้างรีเก็ตตาโครโนกราฟสำหรับการแข่งแล่นเรือยอร์ช ตัวหน้าปัดสามารถมองเห็นได้ชัดเจน มาพร้อมเทคนิคการนับเวลาถอยหลังได้จาก 1 ไปจนถึง 10 นาที แบบตั้งโปรแกรมพร้อมหน่วยความจำเชิงกลและฟังก์ชันการซิงโครไนซ์ขณะระบบกำลังทำงาน ซึ่งจะช่วยให้จับเวลาได้อย่างแม่นยำ ทั้งนี้สามารถบันทึกได้อย่างต่อเนื่อง และซิงโครไนซ์ให้ตรงกับการเปลี่ยนแปลงตารางนับถอยหลังของการแข่งขัน ส่วนขอบหน้าปัด Ring Command กับรีเก็ตตาโครโนกราฟสามารถทำงานควบคู่กัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมสายออยสเตอร์ และขอบหน้าปัด Rolesium ช่วยเพิ่มสมรรถนะการกันน้ำได้เป็นอย่างดี แถมยังดูสปอร์ตหรูหราในเวลาเดียวกันอีกด้วยครับ
ยอร์ช มาสเตอร์ ออยสเตอร์ เป็นที่รู้จักอย่างำแพร่หลายหลังจากปรากฎอยู่บนข้อมือของนักแล่นเรือยอร์ชชื่อดังอย่าง Sir francis chichester ในช่วงปี 1966-1967 ที่แล่นเรือยอร์ชรอบโลกได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี หลังจากนั้นเป็นต้นมายอร์ช มาสเตอร์จึงกลายเป็นนาฬิกาเรือนโปรดของเหล่านักแล่นเรือใบที่ขาดไม่ได้ทุกการเดินทาง สำหรับราคาของยอร์ช มาสเตอร์ ออยสเตอร์ เริ่มต้นอยู่ที่ 1,054,000 บาท บาท (ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566) อ้างอิงจากเว็บไซต์ Rolex
ขาย Rolex Sport เก็งกำไรที่ไหนดีนะ?
หากคุณกำลังมองหาร้านขายนาฬิกาแบรนด์ Rolex มือสองที่ให้ราคาสูงที่สุด ทางเรา BKK DIAMOND ถือว่าตอบโจทย์ของคุณที่สุด เพราะเราเป็น SPECIALIST ในด้านรับซื้อเครื่องประดับมีค่าโดยตรง มีความชื่นชอบและหลงใหลในงานจิวเวลรี่และงานแบรนด์เนมมากกว่า 31 ปี เรามีใบอนุญาตซื้อขายถูกต้องตามกฎหมาย มีหน้าร้านกว่า 9 สาขา เปิดให้บริการครอบคลุมจังหวัดกรุงเทพและพัทยา เรารับซื้อเพชรและของแบรนด์เนมทุกชนิด อาทิ CARTIER , BVLGARI , TIFFANY & CO. , VAN CLEEF & ARPELS ด้วยราคาสูงที่สุด จ่ายเงินสดทันที ไม่จำกัดวงเงิน ประเมินราคาฟรี ตอบไว ยินดีให้คำปรึกษาด้วยความเต็มใจแม้คุณจะไม่ซื้อขายกับเราก็ตาม
BKK Diamond มีช่องทางติดต่อหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้าน, เบอร์โทรศัพท์, Facebook, Line และ Instagram ช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณติดต่อกับเราได้ตลอด 24 ชม. เพียงแค่คุณส่งรูปเครื่องประดับทองและรายละเอียดมาหาเรา เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญของเราประเมินราคา จากนั้นจึงตกลงราคาและนัดให้คุณมารับเงินสดหน้าร้านตามช่วงเวลาที่คุณสะดวก แต่หากคุณไม่สะดวกเดินทางไปหน้าร้านด้วยตัวเอง ทางเรามีบริการ Exclusive Private บริการรับซื้อถึงที่โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ มั่นใจ ปลอดภัย 100% เพราะพนักงานทุกคนผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และได้รับวัคซีนโควิด – 19 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช่วยให้คุณอุ่นใจในการซื้อขายกับเรามากยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่ต้องการขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการซื้อขายทองเค ทางเรา BKK Diamond มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการตลอด 24 ชม. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด หรือหากคุณต้องการซื้อขายทองรูปพรรณหรือเครื่องประดับอื่น ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแบรนด์, กำไลข้อมือ, สร้อยคอ และอย่างอื่นก็ตาม ทางเรามีสินค้าให้เลือกมากมายและมีช่องทางติดต่อที่หลากหลาย เพื่อให้คุณมีความสุขทุกครั้งที่ใช้บริการจากเรา