หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมทองเก่าที่เป็นทองรูปพรรณบางประเภทถึงขายได้ราคาดีกว่าทองทั่วไป อะไรเป็นตัวกำหนดราคาทองชิ้นนั้น ๆ วันนี้เราจะมาอธิบายวิธีการคิดราคาทองเก่าให้ฟังครับ
ราคาซื้อขายทองคิดจากอะไรบ้าง
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หากจะขายทองรูปพรรณเพื่อทำกำไร อาจเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากหากต้องการได้ราคาที่เพิ่มขึ้นมาจากราคาซื้อ เนื่องจากราคาขายทองรูปพรรณจะคิดจาก 5 เงื่อนไข ที่กำลังจะพูดถึงดังต่อไปนี้
1. ราคาทองปัจจุบัน
ราคาของทองจะขึ้นอยู่กับการคิดราคาจากสมาคมค้าทองคำ ทั้งทองคำแท่งและทองรูปพรรณ โดยราคารับซื้อจะเป็นตัวหลักในการกำหนดราคารับซื้อ ซึ่งราคารับซื้อจะมีค่าน้อยกว่าราคาขายออกของทองชิ้นใหม่อยู่บาทละ 100 บาทเสมอ ทั้งนี้คุณสามารถตรวจสอบราคาทองได้จากเว็บไซต์สมาคมค้าทองคำโดยตรงจากลิงก์นี้
2. น้ำหนักทอง
ต้องเข้าใจก่อนว่า หากน้ำหนักทองของคุณไม่เต็ม ราคารับซื้อก็จะได้ไม่เต็มด้วยเช่นกัน เนื่องจากร้านจะซื้อขายทองตามน้ำหนัก ยกตัวอย่างเช่น 1 สลึง น้ำหนักประมาณ 3.79 – 3.80 กรัม ตามมาตรฐานของสมาคมค้าทองคำ ทางที่ดีแนะนำให้ซื้อทองจากร้านที่ออกใบรับประกันซึ่งแจ้งน้ำหนักตามที่ชั่งให้ลูกค้าดูในตอนซื้อ เพื่อที่จะได้ทราบว่าทองของเราได้รับน้ำหนักเต็มตามมูลค่าทองรวมกับค่ากำเหน็จที่เสียไป (กรณีน้ำหนักทองไม่เต็มมาตรฐาน ควรปฏิเสธทองชิ้นนั้นและเลือกทองชิ้นใหม่ หรือขอลดราคาลงตามน้ำหนักทองจริงก็ได้เช่นกัน)
เมื่อทราบน้ำหนักทองตอนซื้อมา จะช่วยให้คุณคำนวณคร่าว ๆ เกี่ยวกับน้ำหนักทองที่มีโอกาสลดลงเนื่องจากการใช้งาน ซึ่งเป็นเหตุให้ร้านทองหักค่ารับซื้อทองเก่าให้ต่ำลงไปอีก ทางที่ดีควรดูแลทองเก่าที่นำมาสวมใส่เป็นเครื่องประดับ หรือหากเป็นทองแท้ก็ควรเก็บในที่ที่มิดชิด และทำความสะอาดทองของคุณให้ดี เพื่อไม่ให้น้ำหนักทองหาย
3. เปอร์เซ็นต์ทอง
เนื่องจากทองมีหลายเกรดและแต่ละเกรดมีเปอร์เซ็นต์แตกต่างกัน หากเป็นทองรูปพรรณตามมาตรฐานที่กำหนดโดยสมาคมค้าทองคำ จะมีเปอร์เซ็นต์ทองอยู่ที่ 96.5%, ทองคำแท่งอยู่ที่ 96.5% และ 99.99% นอกจากนี้ยังมีทองเกรดอื่น ๆ ที่อาจน้อยกว่า 75% ก็ได้ แม้น้ำหนักทองจะเท่ากันก็ตามแต่ทางร้านจะรับซื้อในราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์และเกรดของทอง นอกจากนี้หากคุณมีทองเขียว หรือทองเกรดต่ำกว่า 96.5% ที่มีวิธีพิสูจน์ซับซ้อนกว่าทองทั่วไป ทำให้ร้านทองบางร้านไม่รับซื้อ หรือรับซื้อในราคาต่ำกว่าเปอร์เซ็นต์จริงของทองเกรดนั้น เนื่องจากหักค่าใช้จ่ายในการพิสูจน์ออกด้วย เพื่อประเมินความเสี่ยงในการแยกทองระหว่างทองเขียวหรือทองชุบผิดอีกด้วย
4. ค่าน้ำประสานทอง
ต้องเข้าใจก่อนว่าเวลาขึ้นรูปทองรูปพรรณ ช่างจะใช้น้ำประสานทองในการเชื่อมข้อต่อต่าง ๆ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากทองบริสุทธิ์มีคุณสมบัตินิ่มมาก จึงต้องใช้ส่วนประกอบอื่นที่มีความแข็งแรงเข้ามาช่วย ซึ่งน้ำประสานทองจะมีเปอร์เซ็นต์ทองต่ำกว่าเนื้อทองทั่วไป ทำให้เวลาพิสูจน์ทองด้วยการเผาไฟ น้ำหนักทองบริเวณที่มีน้ำประสานทองจึงลดลงเนื่องจากถูกไฟเผา โดยเฉพาะทองรูปพรรณที่มีลวดลายซับซ้อนที่ใช้น้ำประสานทองในการเชื่อมเยอะมาก เวลาเผาจึงน้ำหนักลดลงมากตาม ยิ่งทองมีน้ำหนักมาก ก็จะยิ่งเสียค่าน้ำประสานทองมากขึ้นไปด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วการคิดค่าน้ำประสานทองจะขึ้นอยู่กับร้านทองแต่ละร้าน
นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับการใช้งานทองรูปพรรณด้วย โดยเฉพาะใครก็ตามที่ใช้ทองรูปพรรณเป็นประจำ อาจทำให้ทองถูกเสียดสี, มีคราบเหงื่อ, คราบผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไหลลงมาโดนทองรูปพรรณขณะอาบน้ำ ซึ่งร้านทองจะนำไปใช้พิจารณาประกอบกับน้ำหนักทอง เพื่อดูว่ามีสิ่งเจือปนหรือไม่ เนื่องจากร้านทองจะนำทองที่ซื้อจากเราไปหลอมและนำมาขายใหม่ อาจทำให้ทองที่ได้ไม่บริสุทธิ์และขายได้ยากด้วย
5. แบรนด์ของร้านทอง
สำหรับใครที่ได้ทองเก่ามาจากรุ่นปู่ย่าตายายแล้วต้องการนำไปขาย อาจต้องสังเกตสักนิดนึงว่าทองที่ได้มา มาจากร้านทองร้านไหน หากนำไปขายกับร้านที่ซื้อมาอาจจะได้ราคาทองที่สูงกว่าทองที่ซื้อจากร้านอื่น ทางที่ดีควรเลือกซื้อทองกับร้านที่มีใบรับประกันทุกครั้งเพื่อป้องกันการถูกกดราคาจากร้าน
ทำอย่างไรให้ทองเก่าขายได้ราคาที่สูงกว่าทองปัจจุบัน
อย่างที่กล่าวมาข้างต้นแล้วว่าราคาของทองรูปพรรณจะตกลงตาม 5 ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น เพียงแต่ทองรูปพรรณที่เป็นทองโบราณกลับมีราคาสูงกว่าทองรูปพรรณทั่วไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ลวดลายของทอง
ทองโบราณสุโขทัยแตกต่างจากทองรูปพรรณในปัจจุบัน ตรงที่ตัวงานมีความอ่อนช้อยและละเอียดประณีต ทั้งในด้านของลวดลายและรูปแบบ โดยกรรมวิธีในการผลิตทองรูปพรรณโบราณเริ่มต้นจากการถักทองเส้นลวดทองคำตันเส้นเล็กหลายเส้นมาถักวนจนกลายเป็นเส้นเดียว นับตั้งแต่ 3 จนถึง 200 เสา ประกอบด้วยลูกประคำมีลวดลาย, การใช้การลงยาแทนการประดับอัญมณี และการใช้ทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ในกระบวนการผลิต หากร้านทองร้านไหนมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ อาจจะรับซื้อในราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากให้ราคาของลวดลายดังกล่าว
2. การดูแลรักษา
นอกจากลวดลายแล้ว การดูแลรักษาทองรูปพรรณเก่าให้สวยงามอยู่เสมอถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลวดลายโดดเด่นขึ้นมาและเพิ่มมูลค่าให้ทองที่มีลวดลายนั้นมากขึ้น ทั้งนี้คุณสามารถทำความสะอาดทองเก่าได้เอง ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- เตรียมน้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจาน นำทองลงไปแช่ประมาณ 15 นาที
- ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มแปรงให้ทั่ว แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- นำผ้าขนหนูไร้ขนมาเช็ดให้ทั่วทอง เมื่อเช็ดเสร็จให้วางทิ้งไว้จนกว่าจะแห้งสนิท
- จากนั้นนำกลับเข้ากล่อง หรือถุงซิปล็อก ไม่ควรใส่รวมกับเครื่องประดับอื่นเพราะอาจเกิดรอยขีดข่วนตามมา
- นำแป้งเด็กมาทาบาง ๆ เพิ่มความเงาวาว แล้วนำผ้ามาเช็ด
- ส่วนเครื่องประดับที่มีลวดลายเยอะหน่อย ควรแช่ทองในน้ำเดือดผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต 1 หยิบมือ แช่เพียง 30 วินาที เพื่อป้องกันทองหมอง จากนั้นนำผ้ามาซับให้แห้ง
แต่ในส่วนของทองเก่าที่เป็นทองคำแท่งนั้น ราคาจะขึ้น-ลงอยู่กับเปอร์เซ็นต์ทองตามที่สมาคมค้าทองคำกำหนด ณ วันนั้น คุณสามารถเข้าไปเช็กราคาทองได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมฯ โดยตรง คลิก
สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านรับซื้อทองเก่าที่มีมาตรฐานและมีชื่อเสียงเป็นเวลานาน รวมถึงมีหน้าร้านหลายสาขาให้ท่านเลือกใช้บริการ ทางเรา BKK DIAMOND มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการท่านตลอด 24 ช.ม. เพื่อให้ท่านได้ราคาที่ดีและตรงกับความต้องการของตลาดที่สุด นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับทอง, เงิน, นาก, นาฬิกาแบรนด์และสินค้าอื่น ๆ ให้ท่านเลือกมากมาย รวมถึงช่องทางติดต่อที่หลากหลายเพื่อให้ทุกท่านมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้บริการกับเรา