ขึ้นชื่อว่าเป็นนาฬิกาแบรนด์ดังทั้งทีก็ต้องมีรุ่นขึ้นหิ้งให้คนรักนาฬิกาตามเก็บสะสม แบรนด์ Rolex ก็เช่นกัน โดยรุ่นท็อปของโรเล็กซ์ที่ใครหลายคนต่างหมายปองอยู่นั้นก็คือรุ่น Rolex Daytona ผู้มีพร้อมมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหล และมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งวันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังกันครับ
ความเป็นมาของ Rolex Daytona
โรเล็กซ์ เดโทน่า มีจุดเริ่มต้นมาจากความคงทนของนาฬิกา Rolex Oyster ที่ Sir Malcolm Campbell นักแข่งรถชาวอังกฤษใส่ลงสนาม Great Britain จนคว้าชัยชนะและทำสถิติโลกได้สำเร็จ หลังจากนั้นโรเล็กซ์จึงได้รับเกียรติให้เป็นผู้จับเวลาที่สนาม Daytona International Speedway อย่างเป็นทางการในปี 1962 และเป็นแรงบันดาลใจให้โรเล็กซ์ผลิตนาฬิกาสำหรับจับความเร็วในสนามแข่งรถ โดยมีจุดเด่นในเรื่องของมาตรวัดความเร็ว Tachymeter ขนาดใหญ่กว่านาฬิกาทั่วไป จนกลายเป็นนิยมของนักแข่งรถในเวลาต่อมาก็คือ Rolex Daytona นั่นเอง
พัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของ Rolex Daytona
ถึงแม้ว่าโรเล็กซ์ เดโทน่ารุ่นแรกอย่าง 6234 จะได้รับการตอบรับไม่สู้ดีเนื่องจากผลิตน้อยและมีคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Omega Speedmaster ที่ขึ้นชื่อเรื่อง Chronograph แต่ในที่สุดเดโทน่าก็กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในหมู่นักแข่งรถเท่านั้น แต่รวมถึงผู้คนที่หลงใหลในนาฬิกาด้วย นั่นก็เพราะ Paul Newman นักแสดงและนักแข่งรถชื่อดังนำนาฬิการุ่นนี้มาใส่ขณะแข่งรถ
Rolex Daytona Paul Newman – Drive Carefully Me
เดือนพฤษภาคมปี 1969 Paul Newman นักแสดงหนุ่มและนักแข่งรถชื่อดังได้รับโรเล็กซ์ เดโทน่า เป็นของขวัญอันล้ำค่าจากภรรยา Joanne Woodward โดยนาฬิกาเรือนนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 37 ซม. หน้าปัดสีขาวนวล สายรัดข้อมือหนัง พร้อมกับสลักข้อความ Drive Carefully Me เพื่อแสดงถึงความห่วงใยที่เธอมีต่อสามี ซึ่ง Paul สวมใส่นาฬิกาเรือนนี้ตลอดเวลา ไม่ว่าขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Winning หรือแม้แต่การแข่งขันครั้งสำคัญของเขาอย่าง Lime Rock Racing ก็ตาม เมื่อนาฬิกาเรือนนี้ออกสู่สายตาประชาชนมากขึ้น ทำให้ราคาของนาฬิการุ่นนี้เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว จากเดิมอยู่ที่ 7,000 บาท กลายมาเป็น 7,500,000 บาท
หลังจากอยู่บนข้อมือของ Paul เป็นเวลากว่า 14 ปี เขาได้ส่งต่อให้แฟนหนุ่มของลูกสาวของเขา James Cox เพื่อตอบแทนที่ Cox มาซ่อมบ้านต้นไม้ให้ ถึงแม้จะเลิกรากับ Nell Newman ในเวลาต่อมา แต่ Cox ก็ยังไปมาหาสู่กับครอบครัว Newman อยู่เสมอ เปรียบเสมือนลูกชายคนหนึ่งในครอบครัวและเขาก็ไม่คิดจะนำนาฬิกาเรือนนี้ไปขายให้ใครตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งปี 2017 ทั้ง Cox และครอบครัว Newman ตัดสินใจนำไปประมูลเพื่อนำรายได้ทั้งหมดส่งมอบให้มูลนิธิ Newman’s Own เพื่อสานต่อโครงการอาหารออร์แกนิกของ Neil ที่อยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งมีผู้ประมูลไม่ประสงค์ออกนามได้ครอบครองไปในราคา 17,752,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 610,000,000 บาท นับเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่แพงที่สุดติดอันดับต้นๆ ของโลกมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนประกอบภายใน Rolex Daytona
เดโทน่ารุ่นแรกที่ผลิตออกมาในปี 1955 นั้นมีการสลักคำว่า Chronograph ไว้บนหน้าปัดเพียงคำเดียว จนกระทั่งปี 1963 – 1980 ที่เดโทน่าเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยมีตัวเลข Reference เพียง 4 หลักเท่านั้น และใช้กลไกแบบไขลาน (Manual Mechanical Movement) นอกจากนี้มีการพัฒนาวัสดุในการผลิตให้ดีขึ้น แต่เดิมที่สลักคำว่า Daytona อยู่ใต้คำว่า Cosmograph ก็ถูกจับย้ายมาอยู่ด้านบนของ Sub-dial ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และเพิ่มความสปอร์ตด้วยสี Inverted สำหรับหน้า Sub-dial ทั้งสามอีกด้วย นอกจากนี้ในปี 1965 เปลี่ยนปุ่ม Pusher เป็นแบบ Screw-in ในรุ่น 6240 ช่วยให้กันน้ำและเพิ่มระบบซึมซับแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับใครที่กำลังมองหานาฬิกา Rolex สักเรือนที่สภาพดีและราคาสมเหตุสมผล BKK Diamond พร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม. โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ หรือหากต้องการนำมาขาย ทางเรามีช่างมากประสบการณ์สามารถประเมินราคาโดยไม่ต้องแกะเครื่อง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเรานั่นเอง