ใครหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าทองเก่าก็ขายได้ราคาดีไม่แพ้ทองปัจจุบัน เผลอ ๆ อาจขายได้ราคาสูงกว่าด้วยนะครับ แล้วมีปัจจัยไหนที่ทำให้ขายทองเก่าได้ราคาดีกว่าทองปัจจุบันบ้าง มาอ่านกันเลยครับ
คนส่วนใหญ่นิยมขายทองแบบไหนมากกว่ากัน
ทองแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ทองคำแท่งและทองรูปพรรณ โดยทองคำแท่งเหมาะสำหรับทำกำไร (ไม่ต้องเสียค่ากำเหน็จเนื่องจากไม่ต้องแปรรูปเหมือนเครื่องประดับ) และเมื่อขายทองคำแท่งคืน ราคารับซื้อจะสูงกว่าทองรูปพรรณ ส่วนการนำไปขายคืนที่ร้านเดิมที่ซื้อมาก็จะได้ราคาดีกว่าขายคืนต่างร้าน ส่วนทองรูปพรรณเหมาะสำหรับใส่เป็นเครื่องประดับ (เสียค่าแปรรูปและค่าผลิต) ซึ่งราคาขายจะตกลงตามรูปแบบการใช้งาน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงนิยมซื้อทองคำแท่งเพื่อขายเก็งกำไร
ต้องเข้าใจก่อนว่าราคาทองที่ทางร้านจะรับซื้อในราคาเต็มได้นั้นจะต้องดูที่เปอร์เซ็นต์เต็มของทอง, น้ำหนักที่ครบ รวมถึงตัวทองต้องมีโลโก้ หรือตราสัญลักษณ์ผู้ผลิต โดยทองคำที่นำมาขายส่วนใหญ่มี 2 แบบ ได้แก่ ทองคำ 99.9% มักซื้อขายกันเป็นกิโลกรัม ส่วนทองคำ 96.5% มักซื้อขายได้ตามร้านทองส่วนใหญ่และพบเห็นได้บ่อยเนื่องจากมีความแข็งแรง นิยมผลิตเป็นทองคำแท่งและทองรูปพรรณ
ขายทองเก่าอย่างไรให้ได้กำไรมากกว่าเดิม
1. ออมทอง/ขายทองเก็งกำไร
นับว่าเป็นหนึ่งในวิธีสุดคลาสสิกที่ใครหลายคนนิยมใช้กัน เนื่องจากไม่ต้องรอเวลานาน หากราคาทองปรับตัวสูงขึ้นเมื่อไหร่ ก็นำไปขายทันที วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินด่วน เพราะการซื้อมาขายไปในระยะเวลาอันสั้นอาจทำกำไรได้ไม่มากเหมือนวิธีอื่น อีกทั้งขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ติดต่อร้านทองที่ให้บริการ เช็กราคาทองคำและแจ้งน้ำหนักทองคำที่ต้องการซื้อ จากนั้นชำระเงินแล้วรับทองคำทันที เมื่อราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นจนอยู่ในจุดที่คุณเห็นว่าได้กำไรมากพอ แล้วค่อยนำทองคำไปขายเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินทุนและได้กำไรจากส่วนต่างของราคาทองคำในขณะนั้น นอกจากนี้คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนเต็มจำนวน เนื่องจากมีร้านทองหลายแห่งเปิดให้นักลงทุนหรือบุคคลทั่วไปมาออมทอง สามารถทยอยจ่ายได้ในจำนวนเงินที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ออมทองเดือนละ 1,000 บาท เมื่อครบกำหนดก็สามารถถอนทองคำแท่งที่ออมออกมาเก็บไว้ หรือขายคืนเป็นเงินสดก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้อย่าลืมว่าการออมทองแบบซื้อมาขายไปไม่สามารถระบุผลตอบแทนได้ชัดเจนเหมือนการออมเงิน อีกทั้งอาจถูกหักค่าตรายี่ห้อ 10-20 บาท/บาททองคำ ในกรณีที่คุณนำทองคำแท่งไปขายต่างร้าน
2. กองทุนรวมทองคำ
วิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการนำทองไปต่อยอดแบบเห็นผลชัดเจนกว่าการออมทอง แถมยังสะดวกกับผู้ลงทุนเองเนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาไปทำเรื่องติดต่อกับร้านทองด้วยตัวเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของราคาระหว่างร้านทองแต่ละร้าน ไม่ต้องมานั่งคาดคะเนปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อราคาทองด้วยตัวเองอีกด้วย และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญด้านทองก็สามารถลงทุนได้ เพราะแต่ละกองทุนจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลและทำหน้าที่นำเงินไปลงทุนทองคำแทนเรา แม้ว่าการลงทุนด้วยทองจะมีข้อดีตรงที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการและการถือครองให้แก่กองทุนรวมในราคาไม่แพง แถมยังเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างการลงทุน ทั้งในรูปแบบเงินปันผล (มีภาษี ณ ที่จ่าย 10%) หรือกำไรจากส่วนต่างในมูลค่าหน่วยลงทุนที่ไม่ต้องเสียภาษีก็ตาม แต่ทางที่ดีเราขอแนะนำให้คุณศึกษาข้อมูลของกองทุนรวมนั้น ๆ ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
3. Gold Futures (โกลด์ฟิวเจอร์ส)
เป็นสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ที่สามารถซื้อก่อนขายหรือขายก่อนซื้อก็ได้ แถมยังใช้เงินลงทุนน้อย รวมถึงราคาทองคำที่เคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่สัมพันธ์กับราคาหุ้น ดังนั้น Gold Futures จึงเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรและกระจายความเสี่ยงให้แก่พอร์ตลงทุนได้ดี ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สได้ง่าย ๆ ผ่าน TFEX หรือระบบซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์ของตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นผู้กำกับดูแลตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและบริษัทสมาชิก ส่วนบริษัทสำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด จะรับหน้าที่เป็นผู้ประกันการชำระราคาจากการซื้อขาย
ข้อดีของการซื้อขาย Gold Futures อยู่ที่การเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทำให้นักลงทุนไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน เพียงแค่วางเงินหลักประกันขั้นต้น (ประมาณ 1 ใน 10 ของมูลค่าสัญญาทั้งจำนวน) ไว้กับโบรกเกอร์อนุพันธ์ เพื่อเป็นเงินมัดจำก่อนส่งคำสั่งซื้อขาย หากพบว่าราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นจริง นักลงทุนที่ซื้อ Gold Futures ไปก็มีโอกาสได้ผลกำไรที่สูงกว่าการซื้อทองคำทั่วไป ทั้งนี้ควรระวังเวลาขาดทุนที่จะขาดทุนเยอะพอสมควร อย่างไรก็ตาม ตลาดอนุพันธ์จะมีกลไกป้องกันความเสี่ยงให้แก่นักลงทุน หากลงทุนถูกทาง เงินในพอร์ตลงทุนจะเพิ่มขึ้นตามระดับกำไรโดยอัตโนมัติ แต่หากลงทุนผิดทาง เงินในพอร์ตลงทุนจะลดทอนวงเงินในบัญชีลงไปโดยอัตโนมัติเช่นเดียวกัน
ดูแลรักษาทองอย่างไรให้ขายได้ในราคาดี
- เตรียมน้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจาน นำทองเก่าแช่ลงไป 15 นาที
- ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มแปรงทองให้ทั่ว จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- นำผ้าขนหนูไร้ขนมาเช็ดให้ทั่ว จากนั้นวางทิ้งไว้จนกว่าจะแห้งสนิท
- นำทองกลับเข้ากล่อง หรือถุงซิปล็อก ไม่ควรใส่รวมกับเครื่องประดับอื่นเพราะอาจทำให้มีรอยขีดข่วนตามมา
สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านรับซื้อทองเก่าที่มีมาตรฐานและมีชื่อเสียงเป็นเวลานาน รวมถึงมีหน้าร้านหลายสาขาให้ท่านเลือกใช้บริการ ทางเรา BKK DIAMOND มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการท่านตลอด 24 ช.ม. เพื่อให้ท่านได้ราคาที่ดีและตรงกับความต้องการของตลาดที่สุด นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับทอง, เงิน, นาก, นาฬิกาแบรนด์และสินค้าอื่น ๆ ให้ท่านเลือกมากมาย รวมถึงช่องทางติดต่อที่หลากหลายเพื่อให้ทุกท่านมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้บริการกับเรา