โครงสร้างเพชร เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการรูปลักษณ์ภายนอกและราคาของเพชร หากคุณซื้อเพชรที่มีโครงสร้างไม่ดีหรือไม่ตรงตามความต้องการของตลาด ก็อาจมีโอกาสที่จะขายต่อได้ยาก หรือหากซื้อมาสวมใส่เองก็อาจเสียรู้และจ่ายในราคาที่ไม่ควรจะจ่ายได้อีกด้วย แล้วโครงสร้างของเพชรที่ดีควรเป็นอย่างไร แบบไหนถึงจะตอบโจทย์ของคุณมากที่สุด มาหาคำตอบไปด้วยกันเลยครับ
โครงสร้างเพชร คืออะไร
เป็นโครงสร้างผลึกของธาตุคาร์บอนในรูปแบบของเพชร ซึ่งมีความทนทานและแข็งแรงมาก มีลักษณะเป็นโครงสร้างผลึกชนิดลูกบาศก์ (Cubic) และเป็นโครงสร้างผลึกที่มีลักษณะเป็นตาข่าย 3 มิติที่เชื่อมโยงกัน โดยมีลักษณะสำคัญ ได้แก่
- ตำแหน่งของอะตอม อะตอมของคาร์บอนในโครงสร้างของเพชรจะอยู่ที่มุมของลูกบาศก์ (Cubic unit cell) และในจุดกลางของแต่ละด้าน (Face-centered) โดยมีจำนวนอะตอมทั้งหมด 8 ตัวต่อหน่วยเซลล์
- ลักษณะการเชื่อมต่อ แต่ละอะตอมของคาร์บอนจะเชื่อมต่อกับอะตอมคาร์บอนอื่นๆ ผ่านพันธะโคเวเลนต์ (Covalent bond) ซึ่งเป็นพันธะที่แข็งแรงมาก การเชื่อมโยงนี้ทำให้โครงสร้างของเพชรแข็งแรงมากและมีคุณสมบัติที่ไม่หักง่ายๆ
- ระยะห่างระหว่างอะตอม ระยะห่างระหว่างอะตอมของคาร์บอนในโครงสร้างของเพชรค่อนข้างสั้น ส่งผลให้เพชรมีความแข็งแรงสูงมาก
- การจัดเรียงอะตอม เนื่องจากโครงสร้างโมเลกุลของเพชรเป็นพันธะโคเวเลนต์แบบ 4 ทิศทาง (Tetrahedral Structure) โดยแต่ละอะตอมคาร์บอน (C) จะสร้างพันธะโคเวเลนต์กับอะตอมคาร์บอนอื่นอีก 4 ตัว จัดเรียงในรูปทรงสี่หน้า (Tetrahedron) จึงกลายเป็นโครงข่าย 3 มิติที่แข็งแรงต่อเนื่องไปทุกทิศทาง ส่งผลให้ ซึ่งการจัดเรียงอะตอมเช่นนี้จะทำให้เพชรเป็นวัสดุที่ทนทานและแข็งที่สุดในธรรมชาติ หากต้องการทำลายพันธะทั้งโครงข่ายจริงๆ จะต้องใช้จุดหลอมเหลวสูงถึง 3550°C เลยทีเดียว
โครงสร้างเพชรที่ดี มีคุณสมบัติอย่างไร
1. ความแข็ง
ด้วยความที่ตำแหน่ง, การเชื่อมต่อ, ระยะห่าง และลักษณะโครงสร้างของเพชรที่ทำให้เพชรมีความแข็งที่สูงที่สุดในธรรมชาติ อยู่ระดับ 10 ตามมาตรวัดความแข็งของโมห์ส (Mohs Hardness Scale) จึงทำให้เพชรทนทานต่อรอยขีดข่วนและการสึกกร่อนตามกาลเวลา นี่จึงเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ทำให้เพชรมีมูลค่าสูง เพราะนอกจากจะใช้ในงานเครื่องประดับราคาสูงแล้ว ยังใช้ในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น เครื่องมือเจาะ เครื่องมือขัดอีกด้วย
2. ความแวววาว
การเจียระไนที่แม่นยำและได้สัดส่วนมีผลต่อการสะท้อนแสงภายในเพชรโดยตรง เมื่อแสงเข้ามาสู่เพชรจากด้านบน แสงจะสะท้อนภายในตัวเพชรผ่านเหลี่ยมต่างๆ แล้วสะท้อนกลับขึ้นมาด้านบนอีกครั้ง ทำให้เกิดประกายแสง (Brilliance) และสีรุ้ง (Fire) ที่สวยงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเพชรคุณภาพดี แต่ในทางกลับกัน หากเพชรเม็ดนั้นมีโครงสร้างไม่ดี เช่น มีสัดส่วนผิดเพี้ยน เจียระไนตื้นเกินไป อาจทำให้แสงรั่วออกทางด้านข้างหรือด้านล่าง แทนที่จะสะท้อนกลับขึ้นมาทางด้านบน ส่งผลให้เพชรดูหม่น มืด หรือขาดความเปล่งประกาย โดยทั่วไปแล้วคนจะเลือกซื้อเพชรจากความแวววาวและความสวยงามเป็นอันดับแรก แม้เพชรเม็ดนั้นจะมีน้ำหนักหรือขนาดมากกว่า แต่หากสะท้อนแสงได้ไม่ดี ก็อาจดูไม่สวยและทำให้ขายต่อยากขึ้นเพราะขาดการสะท้อนแสง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเพชร
3. มิติของเพชร
โครงสร้างของเพชรมีผลต่อมิติที่ตาเห็นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของ “ด้านหน้าของเพชร” (Face-up) ซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่มองเห็นจากด้านบนเมื่อสวมใส่ หากเพชรถูกเจียระไนให้มีหน้ากว้างที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้เพชรดูใหญ่กว่าน้ำหนักจริงที่ระบุไว้ ยกตัวอย่างเช่น เพชร 0.90 กะรัต มีโครงสร้างดีและมีหน้ากว้างที่เหมาะสม อาจดูใหญ่และสวยสะดุดตามากกว่าเพชร 1.00 กะรัตที่มีโครงสร้างไม่สมส่วน เจียระไนไม่ได้สัดส่วนและทำให้ก้นของเพชรตื้นเกินไปจนกลายเป็นเพชรหน้ากว้าง ดังนั้นเพชร 1.00 กะรัต จึงดูเล็กกว่าเพชร 0.90 กะรัต และความต่างนี้เองที่ทำให้ผู้ซื้อจำนวนมากยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อได้เพชรที่ “ดูคุ้มค่า” มากกว่าการยึดตามตัวเลขกะรัต
4. การเจียระไน
โครงสร้างที่ดีของเพชรถือเป็นสิ่งที่หายาก เพราะการเจียระไนให้ได้สัดส่วนที่สมบูรณ์แบบจะต้องอาศัยทั้งความเชี่ยวชาญของช่างและการสูญเสียเนื้อเพชรดิบจำนวนหนึ่งเพื่อให้ได้เหลี่ยมมุมที่เหมาะสม เข้ารูปมากที่สุด ส่งผลให้น้ำหนักรวมของเพชรลดลงจากเพชรดิบที่มีอยู่ ซึ่งช่างบางคนหรือผู้ผลิตบางรายอาจเจียระไนให้ได้กะรัตมากขึ้นเพื่อขายได้ราคาต่อเม็ดสูงขึ้น แม้ว่าจะต้องแลกกับสัดส่วนหรือคุณภาพของการสะท้อนแสงที่ลดลงก็ตาม ด้วยเหตุนี้ เพชรที่มีโครงสร้างดีจริงๆ จึงพบได้น้อยกว่า และเมื่อมีเพชรลักษณะนี้หายากมากในตลาด ราคาจึงสูงขึ้นตามกลไกของอุปสงค์และอุปทาน
5. ความบริสุทธิ์และน้ำหนัก
โครงสร้างของเพชรมีผลต่อความบริสุทธิ์ (Clarity) และการสะท้อนแสงในระดับที่แตกต่างกัน หากเพชรเม็ดนั้นมีการจัดเรียงอะตอมที่ดีในโครงสร้างผลึก ก็จะทำให้เพชรมีความใสและปราศจากตำหนิภายใน ได้มากขึ้น ส่งผลให้เพชรเม็ดนั้นมีมูลค่าที่สูงขึ้น
6. ความหายาก
เนื่องจากเพชรมีโครงสร้างที่ไม่เหมือนใครเนื่องจากเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและหาโครงสร้างผลึกที่สมบูรณ์แบบได้ยาก ส่งผลทำให้การเจียระไนให้ได้เพชรมีคุณภาพสูงในสัดส่วนที่สมบูรณ์เป็นเรื่องยากพอสมควร ยิ่งถ้าใช้ช่างเจียระไนที่มีเทคนิคสูง มีประสบการณ์ยาวนานด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีผลทำให้มูลค่าของเพชรที่ได้สูงกว่าเพชรทั่วไปด้วย
โครงสร้างเพชร มีผลต่อการขายเพชรอย่างไร
โดยทั่วไปแล้วหลังจากที่คุณซื้อเพชรมาจากร้านเพชรชั้นนำ คุณจะได้รับใบเซอร์เพชรที่ออกโดยสถาบันอัญมณีศาสตร์อย่าง GIA (Gemological Institute of America) หรือ HRD Antwerp ดังนั้นหากเพชรของคุณมีโครงสร้างที่ดี ในใบเซอร์ก็จะระบุในส่วนนี้ไปด้วย ซึ่งใบเซอร์เพชรเองถือเป็นมาตรฐานกลางที่ผู้ซื้อและนักลงทุนทั่วโลกให้ความเชื่อถือ ดังนั้นหากคุณต้องการนำเพชรไปขายต่อและเพชรของคุณก็มีโครงสร้างโดยรวมที่ดี นอกจากจะช่วยลดเวลาในการพิสูจน์ความแท้ของเพชรแล้ว ยังเพิ่มโอกาสในการขายต่อได้ง่ายขึ้นด้วยครับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: ใบเซอร์เพชรคืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร ทำไมเพชรแท้ต้องมี?
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าโครงสร้างเพชรของเราดีหรือไม่
1. ดูจาก 4Cs ของเพชร
ได้แก่ Cut (การเจียระไน), Clarity (ความใส), Color (สี), และ Carat (น้ำหนัก) โดยเฉพาะในส่วนของการเจียระไนนั้นถือว่าสำคัญที่สุด เพราะแม้ว่าโครงสร้างผลึกจะดีแค่ไหน แต่หากช่างเจียระไนไม่ดี ก็จะทำให้เพชรสะท้อนแสงได้ไม่สวยงาม รองลงมาจะเป็นส่วนของความใส ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของโครงสร้างผลึก หากมีตำหนิหรือรอยแตกมาก แสดงว่าโครงสร้างภายในอาจมีตำหนิเยอะ สีก็เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่บ่งบอกว่าเพชรที่มีโครงสร้างดี มักจะมีสีใสหรือไร้สีในเกรดสูง (Grade D) ส่วนน้ำหนักของเพชร แม้จะไม่เกี่ยวโดยตรงกับโครงสร้าง แต่ก็มีผลต่อมูลค่าโดยรวมของเพชรด้วยเช่นกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: หลักเพชร 4Cs คืออะไร ซื้อเพชรอย่างไรไม่ให้โดนหลอก
2. ใช้กล้องขยายหรือกล้องจุลทรรศน์
นำเลนส์ขยาย 10 เท่า (Loupe 10x) หรือกล้องจุลทรรศน์มาส่องดูรอยแตก, เส้นโครงสร้างที่บิดเบี้ยว หรือจุดที่อาจเกิดแรงกดดันภายในผลึก เพชรที่มีโครงสร้างผลึกดีจะใส ไม่มีเส้นร้าว และไม่มีตำหนิขนาดใหญ่ ซึ่งลักษณะเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของการจัดเรียงอะตอมภายในอย่างแน่นหนาและเป็นระเบียบของเพชรเม็ดนั้น
3. ใบเซอร์เพชร
ใบรับรองจากสถาบันอัญมณีชั้นนำ เช่น GIA, HRD หรือ IGI ถือเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพเพชรอย่างเป็นทางการ โดยจะระบุคะแนนของ Cut, Clarity และ Color อย่างเป็นระบบและน่าเชื่อถือ ซึ่งเพชรที่มีโครงสร้างผลึกดี มักจะได้คะแนนสูงในด้านการเจียระไนและความใส และที่สำคัญจะต้องตรวจสอบได้ว่ามีข้อมูลตรงตามที่แจ้งไว้ในใบเซอร์หรือไม่ หากข้อมูลไม่ตรงแสดงว่าเป็นใบเซอร์ปลอมแน่นอนครับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: ใบเซอร์เพชรปลอมดูยังไง มีวิธีสังเกตแบบง่าย ๆ แบบไหนบ้าง
4. ใช้เครื่องตรวจสอบเพชร
การใช้เครื่องตรวจสอบเพชรถือเป็นวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่แม่นยำที่สุดในการตรวจสอบโครงสร้างผลึกของเพชร โดยเครื่องมือเหล่านี้สามารถระบุได้ว่าเป็นเพชรแท้หรือไม่ และตรวจจับความผิดปกติภายในผลึก หรือการแทรกแซงของธาตุอื่นได้อย่างชัดเจน เพชรที่ผ่านการตรวจสอบแล้วว่ามีโครงสร้างผลึกสมบูรณ์จะมีคุณสมบัติด้านความแข็งและการสะท้อนแสงที่ดี ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพและมูลค่าโดยรวมของเพชรด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: เครื่องตรวจเพชร ราคาเท่าไหร่ ตรวจได้จริงไหม หรือใช้เครื่องที่ร้านดีกว่า
สุดท้ายนี้หากคุณต้องการลงทุนในเพชรจริงๆ เราขอแนะนำให้คุณศึกษาข้อมูลอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นหลัก 4Cs, ราคากลาง, ประเภทของการลงทุน รวมถึงแหล่งรับซื้อเพชร เพื่อประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ก็เพื่อที่คุณจะได้กำไรจากการลงทุนได้ตามความต้องการของคุณมากที่สุดโดยที่ไม่ต้องมารู้สึกผิดหรือเสียดายในภายหลังครับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: JEWELRY SHOP – ศูนย์รับซื้อเพชร ทอง ของมีค่า บริการมาตรฐาน
บทความที่น่าสนใจ
- เพชร CZ คืออะไร เป็นเพชรแท้ไหม ซื้อเพชรอย่างไรไม่ให้ถูกหลอก
- ไขทุกความลับของเพชรปลอม ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
- รวมแบรนด์เพชรในไทยที่น่าสนใจ ควรมีไว้เพื่อการลงทุน
ซื้อขายเพชรที่ไหนดี ทำไมต้อง BKK DIAMOND
BKK Diamond เป็นศูนย์รับซื้อและขายเพชร รวมถึงเครื่องประดับที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีบริการรับจำนำหรือขายฝากเพชรสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินสดแต่ไม่อยากขายขาดทรัพย์สินของตน อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1.25% ต่อเดือนเท่านั้น เราสามารถให้วงเงินสูงตามมูลค่าเพชรและอนุมัติได้อย่างรวดเร็ว สำหรับเพชรที่จำนำจะถูกเก็บรักษาในห้องนิรภัยกันไฟ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสากลโดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ไม่มีค่าบริการตู้เซฟหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ แอบแฝง ที่สำคัญเรามีบริการรับซื้อถึงบ้านโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับเงินสดได้ทันที เหมาะสำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกมาถึงหน้าร้านด้วยตัวเอง หากคุณสนใจใช้บริการหรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อ BKK Diamond ได้ที่
- เว็บไซต์: bkkdiamond.com
- Facebook: BKK Diamond
- Instagram: @bkkdiamondshop
- Line: @bkkdiamond (มี @ ข้างหน้า)
- โทรศัพท์: 064-243-2345