เพชรเป็นหนึ่งในอัญมณีที่มีความสวยงามเป็นเลิศ ยิ่งเพชรมีสีใสหรือไร้สีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีมูลค่าสูงมากเท่านั้น จึงทำให้ใครหลายคนมองเพชรเป็นมากกว่าเครื่องประดับสวยงามและกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สามารถทำกำไรได้เป็นอย่างดี แต่หากคุณเป็นมือใหม่ในวงการนี้ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังครับ
เพชรคืออะไร
เป็นแร่ที่เกิดจากธาตุคาร์บอน 99.95% ถูกทับถมอยู่ใต้พื้นโลกด้วยแรงกดกว่า 3,000 ตัน และมีความลึกประมาณ 80 กิโลเมตรของอ๊อกตาฮีดรอน (Octahedron) เป็นเวลานานจนหินคิมเบอร์ไลต์ (Kimberite) ดันเพชรขึ้นมาระดับพื้นผิวโลก โดยคุณสมบัติของเพชรจะมีความโปร่งใสและกึ่งโปร่งใส มีประกายแวววาว มีความแข็งอยู่ในระดับ 9 ตามหลักโมห์สเกล (Mohs Hardness Scale)
เพชรมีกี่แบบ อะไรบ้าง
เพชรมี 4 ประเภท ได้แก่ เพชรแท้ ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพชรสังเคราะห์เป็นเพชรที่สร้างขึ้นมาโดยสร้างจากหลักวิทยาศาสตร์ เพชรซีกโบราณ เป็นเพชรธรรมชาติแต่ถูกตัดมาจากเพชรดิบก้อนใหญ่โดยใช้เครื่องมือตัดแบบเก่า และเพชรปลอมที่ทำจากแก้วหรือพลาสติก โดยเพชรแต่ละประเภทมีคุณสมบัติแตกต่างกันดังนี้
1. เพชรธรรมชาติ
เป็นเพชรที่เกิดจากอะตอมของคาร์บอนใต้ชั้นเปลือกโลกที่มีความร้อนและความดันสูงมารวมตัวกันเป็นเพชร กว่าจะเกิดเป็นเพชรธรรมชาติได้จะต้องใช้เวลาหลายล้านปีในการผลิต โดยเพชรธรรมชาติจะสามารถแยกออกจากเพชรสังเคราะห์และเพชรปลอมได้ชัดเจนโดยใช้ธาตุไนโตรเจน (N) ซึ่งมีในเพชรธรรมชาติเท่านั้น
2. เพชรสังเคราะห์
เป็นเพชรที่สร้างขึ้นมาโดยสร้างจากหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการจำลองมาจากกระบวนการสร้างเพชรตามธรรมชาติ โดยเพชรที่ได้จะมีลักษณะภายในเหมือนเพชรธรรมชาติทุกประการ จึงไม่สามารถมองออกได้ด้วยตาเปล่า หากต้องการพิสูจน์เพชรชนิดนี้จะต้องใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และความรู้ความชำนาญของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการวิเคราะห์ สำหรับแหล่งผลิตเพชรสังเคราะห์ในปัจจุบันมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เกาหลี รัสเซีย อินเดีย ในปัจจุบันเพชรชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้ที่มีกำลังซื้อไม่มากนัก เนื่องจากเพชรชนิดนี้มีราคาถูกว่าเพชรแท้ถึง 3 เท่า เพชรสังเคราะห์แตกต่างจากเพชรแท้ตรงที่มีหน้าเพชร 8 ด้านเสมอ, มีสีอยู่ในระดับเกือบไร้สีหรือไร้สีไปเลย, มีสีฟ้า สีเทา และน้ำตาลเหมือนกัน เพียงแต่จะแสดงออกมาเป็นแถบหนาถี่ ๆ เรียงตัวกัน (Tatami), มีการเรืองแสงสีเขียวอมฟ้า หรือสีแดงอมส้ม รวมถึงมีการเรืองแสงค้างภายใต้แสง UV ในช่วงความยาวคลื่น 230 นาโนเมตร และมีจุดพีคอยู่ที่ 737 นาโนเมตร เพชรสังเคราะห์มี 2 ประเภท ได้แก่
- เพชร CVD (Chemical Vapor Deposition) เป็นเพชรที่เกิดจากการใช้แก๊สคาร์บอนเพื่อให้เกิดการตกตะกอนของไอระเหยทางเคมีจากห้องแล็บปฏิบัติการ เพชร CVD มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับเพชรแท้ทั้งในเรื่องของความแข็งที่ 8,500 kgf/mm2 รวมถึงความถ่วงจำเพาะ, ค่าการนำความร้อน และค่าการนำไฟฟ้า จึงทนทานต่อการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง
- เพชร HPHT (High Pressure High Temperature) เป็นเพชรที่เกิดจากการใช้ความดันสูงถึง 55,000 ภายใต้บรรยากาศที่ความร้อน 1,400 องศาเซลเซียส เพื่อจำลองแรงกดดันและอุณหภูมิของโลกใต้พิภพ รวมนอกจากนี้ยังรวมไปถึงโลหะเหลวที่ใช้ในการเปลี่ยนสภาพกราไฟท์ให้กลายเป็นเพชร เพชรที่ได้จึงมีคุณสมบัติเหมือนเพชรแท้ทุกประการแต่มีตำหนิมาก
3. เพชรซีกโบราณ
เป็นเพชรแท้ที่ถูกตัดมาจากเพชรดิบก้อนใหญ่โดยใช้เครื่องมือตัดแบบเก่า ส่งผลให้เนื้อเพชรไม่ได้สะอาดเท่า ส่วนสีของเพชรจะออกเหลืองเข้ม อมเทา, อมน้ำตาล, อมชมพูอ่อน ซึ่งเป็นสีหายาก แต่ด้วยเทคนิคของช่างเจียระไนเพชรในสมัยโบราณที่นำเพชรชนิดนี้มาเจียระไน จึงทำให้เพชรซีกมีรูปทรงต่าง ๆ เช่น เหลี่ยมเกสร, เหลี่ยมมรกต ฯลฯ โดยเน้นไปที่ซีกเหลี่ยมคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่มีเหลี่ยมเพียงด้านเดียว ส่วนก้นเพชรแบนราบคล้ายกระจกใส
4. เพชรปลอม
เป็นเพชรที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบเพชรแท้โดยที่ไม่มีคุณสมบัติเหมือนเพชรธรรมชาติหรือเพชรสังเคราะห์แม้แต่น้อยทั้งในด้านกายภาพหรือทางเคมีก็ตาม แต่มีลักษณะภายนอกเหมือนกับเพชรแท้ โดยราคาของเพชรปลอมจะถูกกว่าเพชรแท้และเพชรสังเคราะห์มากพอสมควร โดยทั่วไปแล้วเพชรปลอมมีวางจำหน่ายสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อไปประดับออกงานเฉย ๆ แต่มีหลายคนที่ซื้อไปเพื่อหลอกขายคนอื่นหรือมีมิจฉาชีพมาขายต่อเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายครับ
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งเพชรแท้ตามแหล่งที่เจียระไนได้อีก 3 ประเภท ได้แก่
- เพชรเบลเยียม ถือว่าเป็นเพชรที่ดีที่สุดโดยช่างฝีมือจากประเทศเบลเยียมเนื่องจากมีเครื่องมือและเทคนิคชั้นสูงในการเจียระไน ส่งผลให้เพชรมีความประณีต สวยงาม ความสมมาตร และมีราคาสูงกว่าแหล่งอื่น
- เพชรรัสเซีย เป็นเพชรที่มาตรฐานในด้านความละเอียดมากกว่าประเทศอื่น มีทั้งแบบรัสเซียนคัทที่ผ่านการเจียระไนจากช่างฝีมือในประเทศรัสเซีย และเพชรรัสเซียที่ผลิตจากห้องแล็บ
- เพชรอินเดีย เป็นเพชรที่มาตรฐานการเจียระไนด้อยลงมาเมื่อนานมาแล้ว แต่ในปัจจุบันช่างเจียระไนจากอินเดียมีการพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้น ส่งผลให้เพชรที่ได้เป็นที่ต้องการของตลาดโลกมากถึง 80% เลยทีเดียว
ราคาเพชร ขึ้นลงจากอะไร
- Rapaport Price เป็นราคากลางของเพชรที่แสดงให้เห็นมูลค่าของเพชรโดยยึดจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ สี ขนาด และตำหนิของเพชรเม็ดนั้น โดยราคากลางเพชรนี้เป็นราคามาตรฐานที่สามารถใช้ได้ทั่วโลก คุณสามารถตรวจเช็กราคาเพชรได้จากการสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ www.diamonds.net และเว็บไซต์จะแจ้งราคาให้ทราบทุก ๆ วันศุกร์ประมาณ 11.00 น. โดย Rapaport Price จะแสดงให้เห็นว่าตลาดโลกมีความต้องการเพชรมากน้อยแค่ไหน หากราคาปรับตัวสูงขึ้นแสดงว่าตลาดยังมีความต้องการเพชรอย่างต่อเนื่อง
- เศรษฐกิจ หากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมแล้วพบว่ายังอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดี มีภาวะสงครามระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ราคาเพชรก็จะสูงเพราะเพชรมีมูลค่าในตัวเองสูง
- ดอลล่าร๋/บาท เนื่องจากราคา Rapaport Price มีสกุลแลกเปลี่ยนเงินเป็นดอลลาร์ หากช่วงไหนค่าเงินบาทแข็ง ราคาเพชรก็จะถูกลง แต่หากค่าเงินบาทอ่อนตัวลง ราคาเพชรก็จะสูงขึ้น
เพชรแท้ดูยังไง
- น้ำหนักของเพชร หากเป็นเพชรแท้จะมีน้ำหนักน้อยกว่าเพชรปลอมเมื่อเทียบในน้ำหนักที่เท่ากัน
- กล้อง 10X (กล้องส่องพระ) หากส่องแล้วเพชรไม่มีเหลี่ยมบิดเบี้ยว มีเหลี่ยมคม แสดงว่าเป็นเพชรแท้ ส่วนเพชรปลอมจะมีแข็งแรงเท่า จึงมีเหลี่ยมไม่คมพอ
- ลมหายใจ หากหายใจรดบนเพชรแท้แล้วจะมีฝ้าจับตัวไม่กี่วินาทีแล้วฝ้าก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนฝ้าที่เกาะบนเพชรปลอมจะหายไปช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด
- ตำหนิของเพชร เนื่องจากเพชรแท้เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ จึงพบตำหนิได้ง่าย ส่วนเพชรปลอมที่เกิดจากกระบวนการทางเคมี่จะไม่มีตำหนิใด ๆ
- ประกายสีรุ้งจากแสงยูวี เมื่อนำเพชรมาส่องไฟแล้ว หากเป็นเพชรแท้จะมีประกายสีรุ้งน้อยกว่าเพชรปลอม และมีสีที่เรืองแสงออกมาเป็นสีฟ้า ส่วนเพชรปลอมจะเป็นสีอื่น
- วางลงบนกระดาษ หากวางเพชรแท้ลงบนกระดาษที่มีตัวหนังสือแล้วจะมองไม่เห็นตัวอักษร ส่วนเพชรปลอมจะเห็นตัวอักษรชัดเจน
- ความถ่วงจำเพาะ หากนำเพชรหย่อนลงไปในน้ำแล้วเพชรจมไปยังก้นภาชนะทันที แสดงว่าเป็นเพชรแท้ ส่วนเพชรปลอมจะค่อย ๆ จม เนื่องจากมีความหนาแน่นน้อย
เลือกร้านซื้อขายเพชรอย่างไรให้ได้ราคาดี ไม่ถูกหลอก
- เลือกร้านที่มีชื่อเสียง มีประสบการณ์การซื้อขายมาอย่างยาวนาน เพราะร้านเหล่านี้จะมีใบอนุญาตซื้อขายถูกต้องตามกฎหมาย
- เลือกร้านที่มีหลายสาขา กรณีที่คุณชอบไปหน้าร้านมากกว่าออนไลน์ การเลือกร้านที่มีสาขาเยอะจะช่วยให้คุณสะดวกต่อการเดินทางเป็นอย่างมาก
- มีช่องทางติดต่อที่หลากหลาย ทั้ง Facebook Line และ Instagram ซึ่งจะช่วยให้คุณติดต่อกับทางร้านได้ตลอดเวลาที่คุณสะดวก
- มีรีวิวน่าเชื่อถือ หากร้านไหนมีรีวิวไปในทิศทางบวกและเป็นรีวิวจริง ไม่ใช่ภาษาแปลจาก Google translate แล้วล่ะก็ ยิ่งเพิ่มความอุ่นใจในการซื้อขายมากขึ้น
- บริการดีทั้งก่อนและหลังการขาย หากคุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับเพชรมาก่อนก็สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมงานของร้านรับซื้อเพชรได้ เพราะทีมงานของร้านเหล่านี้จะมีประสบการณ์การซื้อขายยาวนาน สามารถอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจง่ายกว่าเรานั่งหาข้อมูลเอง
ทำไมหลายคนถึงเลือกใช้บริการรับซื้อแหวนเพชรถึงบ้าน
ตั้งแต่วิกฤตการณ์โควิด-19 ที่ทำเอาหลายคนกลัวความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากนอกบ้านมากขึ้น ร้านรับซื้อแหวนเพชรบางร้านจึงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยการเพิ่มบริการรับซื้อแหวนเพชรถึงบ้าน (EXCLUSIVE PRIVATE) ซึ่งเป็นบริการรับซื้อถึงที่เน้นความเป็นส่วนตัว เนื่องจากบริการแบบนี้สามารถรับรองลูกค้ารอบละ 1 คนเท่านั้น หลังจากลูกค้าพูดคุยกับร้านรับซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เรียบร้อยแล้ว ทางร้านจะจัดทีมงานผู้เชี่ยวชาญเพื่อเตรียมเดินทางไปบริการรับซื้อแหวนเพชรถึงที่หมายที่ลูกค้านัดไว้ สำหรับข้อดีของบริการนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกวันเวลาและสถานที่ได้ตามความสะดวก ทีมงานสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากทำการซื้อ-ขายแบบตัวต่อตัว ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้า และที่สำคัญยังให้ราคาสูงสุดได้โดยไม่ผ่านคนกลางได้อีกด้วยครับ
ทำไมบริการรับซื้อแหวนเพชรถึงบ้าน ถึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของคนยุคนี้
บทความที่น่าสนใจ
- ซื้อเพชรหลุดจำนำ ดีไหม ซื้ออย่างไรให้ได้ของดี ไม่ถูกกดราคา
- เพชรสังเคราะห์คืออะไร แตกต่างจากเพชรธรรมชาติอย่างไร
- เพชรซีกโบราณคืออะไร เป็นเพชรแท้หรือไม่ ซื้อขายได้หรือเปล่า
ซื้อขายเพชรที่ไหนดี ทำไมต้อง BKK Diamond
สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านรับซื้อเพชรที่ได้มาตรฐานและมีชื่อเสียงเป็นเวลานาน ทางเรา BKK DIAMOND มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการท่านตลอด 24 ช.ม. เรามีหน้าร้านหลายสาขาให้ท่านเลือกใช้บริการ มีเครื่องตรวจสอบทองซึ่งจะช่วยให้คุณขายได้ราคาเต็มมูลค่า เพราะเราให้ราคาซื้อ-ขายตามมาตรฐานการรับซื้อทองโดยอ้างอิงจากราคาทองรายวันสมาคม ทั้งนี้เรากล้าการันตีเลยว่าทางเราไม่มีการกดราคาทอง หรือเครื่องประดับทองของคุณแน่นอน นอกจากนี้เรายังมีช่องทางการส่งต่อเครื่องประดับทองของคุณถึงกลุ่มลูกค้า END USER โดยตรงไม่ผ่านคนกลาง ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้ราคารับซื้อสูงสุดตามราคาตลาดแน่นอน
หากใครไม่สะดวกเดินทางมาหน้าร้านด้วยตัวเอง ทางเรามีบริการ EXCLUSIVE PRIVATE หรือบริการรับซื้อถึงที่โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ มั่นใจ ปลอดภัย เพราะพนักงานทุกคนผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และได้รับวัคซีนโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้คุณสามารถซื้อ-ขายได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องโควิด เพียงแค่เลือกวันเวลาที่คุณสะดวกและนัดหมายล่วงหน้าเราได้ตลอด 24 ชม. ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกท่านมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้บริการกับเรา