การเจียระไนเพชรเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มคุณภาพให้เพชรมีมูลค่ามากขึ้น จากเพชรที่มีความหยาบ ดูไม่เรียบ ให้มีความเรียบสวยงาม มีเหลี่ยมมุมชัดเจน เวลาส่องเพชรแล้วมีประกายแวววาวมากขึ้น ว่าแต่การเจียระไนเพชรมีกี่แบบ แบบไหนเป็นที่นิยมมากที่สุด วันนี้เรามีคำตอบมาฝากค่ะ
การเจียระไนเพชรคืออะไร
เป็นการปรับปรุงคุณภาพเพชรธรรมชาติให้มีความสวยงาม เล่นไฟได้ดีตามมาตรฐานการซื้อขายทั่วโลก โดยการนำผลึกเพชรดิบที่มีความหยาบ รูปร่างขรุขระ ให้มีความเรียบเนียนสวยงาม มีเหลี่ยมมุมชัดเจน เล่นไฟได้ดี สำหรับผลึกเพชรที่นิยมนำมาเจียระไนมากที่สุดจะเป็นผลึกเพชรรูปทรงออกตะฮีดรัล (Octahedra) ซึ่งเป็นรูปทรงที่พบได้มากที่สุด ส่วนรูปทรงที่ไม่สามารถเจียระไนได้จะเป็นรูปมาเคิล (Maccle) ที่มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ส่วนช่างเจียระไนจะนำเพชรมาตัดแบ่งเป็น 2 ส่วนบริเวณเหนือกึ่งกลางขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้ได้เป็นเพชรเม็ดใหญ่ 1 เม็ด และเพชรเม็ดเล็ก 1 เม็ด แต่หากเป็นเพชรรูปทรงอื่น ช่างจะหาแนว Growth Lines เพื่อมาร์กจุดสำหรับเลื่อยตัดเพชรออก หลังจากเลื่อยตัดเพชรเรียบร้อยแล้วจะนำเพชรที่ได้มาขัดส่วน Girdle ให้เป็นวงกลมและเจียระไนหน้าเพชรจนได้เหลี่ยมเพชรที่สวยงามตามมาตรฐาน
การเจียระไนเพชรมีกี่แบบ
มีทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ Brilliant Cuts, Cushion Shaped, Princess Cut, Radiant Cut และ Rose Cut โดยการเจียระไนเพชรทั้ง 5 แบบ มีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้
1. Brilliant Cuts
เป็นรูปแบบการเจียระไนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เป็นการเจียระไนเพชรทรงกลมให้มีลายภายในเป็นเหลี่ยมเกสร มีความซับซ้อนประมาณ 58 หน้า สำหรับการเจียระไนจะช่วยแบ่งเพชรออกเป็นเหลี่ยม Crown, เหลี่ยม Girdle และสี่เหลี่ยม Pavilion ได้ภายในเพชรเม็ดเดียว เพชรที่ได้จึงเล่นไฟได้ดี เกิดแสงสะท้อนแวววาวมากกว่าเพชรแบบอื่น ส่งผลให้น้ำหนักเพชรที่ได้จากการเจียระไนแบบนี้มีราคาสูง อีกทั้งต้องใช้ช่างที่มีฝีมือมีประสบการณ์ยาวนานในการเจียระไนด้วย
2. Cushion Shaped
เป็นรูปแบบการเจียระไนที่ทำให้เพชรเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าในรูปทรงหมอน โดยจะตัด Culet ไปอยู่ด้านหน้าของสี่เหลี่ยมเพื่อให้มุมทั้ง 4 ด้านมีรูปทรงออกโค้งมนคล้ายหมอน ส่วนหน้าตัดจะมีความลึก ช่วยให้ตัวเพชรมีมุมขอบเป็นทรงกลม อีกทั้งรูปทรงของเพชรแปลกตาไปตามการเจีนระไนเพชรแบบอื่น
3. Princess Cut
เป็นรูปแบบการเจียระไนที่ได้รับความนิยมมากรองลงมาจาก Brilliant Cuts รูปแบบการเจียระไนได้รับการพัฒนามาจากเพชร French Cut ในศตวรรษที่ 14 เพชรที่ได้จึงมีความละเอียดมากกว่าเดิม ขึ้นชื่อในเรื่องของความเปล่งประกาย (Brilliance) และเล่นไฟ (Fire) ได้มากที่สุดเนื่องจากเกิดเหลี่ยมสะท้อนไฟมากถึง 50-58 เหลี่ยม นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอยู่ที่ลายเปียกปูนที่สามารถมองเห็นได้จากหน้าเพชรประมาณ 2-4 ลายอีกด้วย
4. Radiant Cut
เป็นรูปแบบการเจียระไนที่ผสมหลากหลายรูปแบบเอาไว้และมีการตัดมุมออกเล็กน้อย ช่วยให้เพชรขาวสะอาดมีลูกเล่นมากยิ่งขึ้น โดยเพชรที่ได้จะเป็นทรงเหลี่ยมผืนผ้า มีปริมาณเหลี่ยมประมาณ 53-70 เหลี่ยม โดยทั่วไปหากต้องการเพชรที่ผ่านการเจียระไนลักษณะนี้จะต้องใช้ช่างเจียระไนที่มีความชำนาญสูง ส่วนราคาเพชรที่ได้จะมีราคาสูงกว่าเพชรประเภทอื่น
5. Rose Cut
เป็นรูปแบบการเจียระไนแบบดั้งเดิมที่ช่วยให้เพชรมีแสงแวววับ ดูนุ่มนวล โรแมนติก สำหรับจุดเด่นของการเจียระไนแบบนี้อยู่ที่ช่วงฐานที่แบนราบ ส่วนช่วงบนจะโค้งมนเป็นทรงโดม จึงช่วยให้เพชนที่ได้มีลวดลาย ตัวเพชรดูใหญ่ขึ้นหากเทียบกับเพชรไซส์เดียวกันแต่เจียระไนไม่เหมือนกัน Rose Cut เป็นรูปแบบการเจียระไนที่นิยมสำหรับแหวนหมั้นและแหวนแต่งงานมาตั้งแต่ใอดีตจนถึงปัจจุบัน
ขั้นตอนการเจียระไนเพชรมีอะไรบ้าง
สำหรับขั้นตอนการเจียระไนเพชรหลัก ๆ จะเป็นขั้นตอนของการเจียระไนแบบ Brilliant Cuts เริ่มต้นจากการคัดเลือกผลึกเพชรที่มีรูปทรงออกตะฮีดรัลตามคุณภาพว่ามีขนาด น้ำหนัก สีที่สามารถเจียระไนได้หรือไม่ จากนั้นช่างจะใส่ผงเพชรและน้ำมันลินสีด (Linseed Oil) ลงไปที่ใบเลื่อยเพื่อให้เลื่อยเพชรออกเป็น 2 ส่วน แล้วค่อยใช้เครื่องกลึงตัดส่วนที่แหลมของเพชรออกไป ช่วยให้เพชรมีความกลมมนมากขึ้น จากนั้นจึงเกลาเพชรกลมให้มีสัดส่วนที่สมมาตรมากที่สุด ก่อนจะนำไปเจียระไนโดยใช้เครื่องกลึงและอุปกรณ์เสริมเพื่อให้เพชรมีเหลี่ยมมุมที่สมมาตร โดยเริ่มจากเจียระไนด้านบนสุด (Table) ให้เรียบก่อน แล้วตามด้วยเจียระไนส่วนก้นเพชร (Pavillion) และเจียระไนส่วนบน (Crown) อีกรอบ ปิดท้ายด้วยเจียระไนหน้าตัดเล็กๆ ใกล้ยอดแหลมบริเวณก้นเพชร (Culet) เพื่อให้ได้หน้าตัดทั้งหมด 57-58 หน้า รวม Culet และ Table ด้วย
ใช้อะไรเจียระไนเพชร
อุปกรณ์ที่ใช้ในการเจียระไนจะมีตั้งแต่ชุดเครื่องเจียระไน ประกอบด้วยโต๊ะเจียรเพลงาสั้น มอเตอร์ไฟฟ้าหินเจียรหลังเบี้ย หินเจียรหินแต่ง ตุ๊กตาสำหรับจับเพชร/พลอย/นิล เชลแล็กอ่อนติดพลอยกับตุ๊กตา ตะเกียง ไม้คีบ ใบเลื่อย ถ้วยใส่ นํ้ามัน ผงเพชร แผ่นรอง จานเจียร ถาดรองนํ้า
วิธีประเมินคุณภาพการเจียระไนเพชร ดูจากอะไร
ตามเกณฑ์การให้คะแนนของสถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (GIA) จะพิจารณาจาก 7 องค์ประกอบ ได้แก่ ความสว่าง (Brightness), ไฟ (Fire), ความแวววาว (Scintillation), อัตราส่วนน้ำหนัก (Weight Ratio), ความทนทาน (Durability), การขัดเงา (Polish), และความสมมาตร (Symmetry) ส่วนเกรดการให้คะแนนจะเริ่มจากเกรดดีเยี่ยม (Excellent) ไปจนถึงเกรดแย่มาก (Poor) ดังนี้
- ดีเยี่ยม (Excellent) เพชรจะมีสัดส่วนสมมาตร เล่นไฟได้ดีมาก
- ดีมาก (Very Good) เพชรอาจมีสัดส่วนสมมาตร แต่ไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐานในบางจุด
- ดี (Good) เพชรมีประกายแวววาวไม่ดีเท่าที่ควร แต่ไม่ถึงกับแย่
- แย่ (Fair) เพชรมีประกายแวววาวเพียงเล็กน้อย
- แย่มาก (Poor) เพชรมีประกายแวววาวน้อยมากจนแทบจะไม่มีเลย
การเจียระไนเพชรให้สมบูรณ์ มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
1. ส่วนหน้าของเพชร (Table)
เป็นส่วนที่มีความใหญ่มากที่สุด สามารถมองเห็นเนื้อภายในเพชรได้ สำหรับการเจียระไนหน้าเพชรสำหรับเพชรกลม จะอยู่ที่ประมาณ 55-65%
2. ส่วนบนของเพชร (Crown)
เป็นส่วนที่ต้องเจียระไนให้ได้สมส่วนที่เหมาะสม ไม่ตื้นเกินไป กรณีที่เป็นเพชรกลมจะต้องมี Table ที่เล็กและมี Crown ที่สูง ช่วยให้เพชรทนทานต่อการใช้งานสูง
3. ขอบเพชร (Girdle)
เป็นส่วนที่ต้องเจียระไนให้พอดี ไม่หนาไม่บางเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดภาพสะท้อนสีเทาภายในเพชรหรืออาจทำให้เนื้อเพชรบางลง ความทนทานก็น้อยลงตามไปด้วย
4. ก้นเพชร (Pavillion)
เป็นส่วนที่ต้องเจียระไนเพื่อให้แสงที่เข้ามาจากด้านบนสะท้อนกลับไปยังหน้า Crown และเป็นประกาย (Brilliance) โดยมุมระหว่าง Pavilion หลักไปจนถึงระนาบของ Girdle (Pavilion Angle) จะต้องไม่ชันมากเพื่อให้สะท้อนแสงได้ดี และระยะห่างจากระนาบ Girdle ไปยัง Culet (Pavilion Depth) จะต้องไม่ตื้นไม่ลึกเกินไปเพื่อให้แสงไม่สะท้อนกลับมายัง Crown และสามารถทะลุผ่านไปยังด้านล่างของตัวเพชรได้
เพชรที่ดีที่สุดเป็นแบบไหน
เพชรที่มีคุณภาพดีเยี่ยมจะต้องเป็นเพชร 3EX (Triple Excellent) จะต้องได้เกรดยอดเยี่ยม (Excellent) ทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น Cut Grade, Polish Grade, และ Symmetry ก็ตาม ซึ่งเกิดจากการเจียระไนที่ดีเยี่ยมหรือที่เรียกกันว่า Ideal Cut
เหลี่ยมเพชรมีกี่แบบ
- เหลี่ยมเพชร Ashoka Cut เป็นเหลี่ยมเพชรที่มีสี่เหลี่ยมผืนผ้าและมีทรงโค้งมนตรงมุม เพชรที่ได้มีขนาดใหญ่กว่าปกติเนื่องจากมีเหลี่ยมจำนวน 62 เหลี่ยม เป็นเพชรหายากเนื่องจากใช้เวลาเจียระไนนานถึง 6 เดือน และมีเพชรเพียง 10% เท่านั้นที่สามารถเจียระไนด้วยวิธีนี้ได้
- เหลี่ยมเพชร Asprey Cut เป็นเหลี่ยมเพชรที่มีเหลี่ยมเพชรถึง 61 ระดับ ใช้เพชรดิบน้ำดี (ระดับ D-G) มีความสะอาดอยู่ที่ Flawless-VS2 เพชรที่ได้จึงกระจายแสงสวยงาม ไร้ที่ติ แม้จะมีลักษณะคล้ายทรง Cushion Cut แต่มีขอบมนมากกว่า มีการเซ็นอักษร A ไว้ที่ขอบเพชร และต้องเจียระไนด้วยมือเท่านั้น จึงทำให้เหลี่ยมเพชร Asprey Cut มีราคาสูง
- เหลี่ยมเพชร Crisscut เป็นเหลี่ยมเพชรที่มีพื้นผิวพิเศษ เป็นทรงสี่เหลี่ยมคาบเกี่ยวกับกากบาท มีเหลี่ยมมากถึง 77 เหลี่ยม เล่นไฟได้ดี มีแสงส่องสะท้อนแปลกตากว่าเหลี่ยมเพชรแบบอื่น
- เหลี่ยมเพชร Eighty-Eight Cut เป็นเหลี่ยมเพชรที่มีรูปทรงแปดเหลี่ยม มีเหลี่ยมเพชรมากถึง 88 ด้าน ส่องประกายแตกต่างจากเพชรทรงกลมธรรมดาแม้จะมีแสงตกกระทบเพียงเล็กน้อย
- เหลี่ยมเพชร Royal Asscher Cut เป็นเหลี่ยมเพชรที่มีพัฒนามาจาก Asscher Cut มีเหลี่ยมทั้งหมด 74 เหลี่ยม มีหน้าตัดขนาดเล็กลงแต่มีความสมมาตรมากขึ้น จัดเป็นเพชรหายากสำหรับนักสะสมเพชรทั่วโลกเพราะมีช่างเจียระไนเพียงไม่กี่คนบนโลกที่สามารถทำได้ จึงมีราคาสูงกว่าเหลี่ยมเพชรแบบอื่น
แม้ว่าการเจียระไนจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ราคาเพชรสูงขึ้น แต่ก็ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นร่วมด้วยนะครับ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเลือกร้านรับซื้อ-ขายเพชรก็สำคัญไม่แพ้กัน แม้ว่าคุณจะเจอเพชรน้ำดีที่ร้านก็ตามแต่ก็อาจเสี่ยงต่อการถูกกว่าราคาได้ง่ายหากเลือกร้านที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกซื้อเพชรให้ดี เพื่อให้คุณได้เพชรที่เหมาะสำหรับคุณมากที่สุดครับ
บทความที่น่าสนใจ
- ซื้อเพชรหลุดจำนำ ดีไหม ซื้ออย่างไรให้ได้ของดี ไม่ถูกกดราคา
- เพชรสังเคราะห์คืออะไร แตกต่างจากเพชรธรรมชาติอย่างไร
- เพชรซีกโบราณคืออะไร เป็นเพชรแท้หรือไม่ ซื้อขายได้หรือเปล่า
ซื้อขายเพชรที่ไหนดี ทำไมต้อง BKK DIAMOND
สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านรับซื้อเพชรที่ได้มาตรฐานและมีชื่อเสียงเป็นเวลานาน ทางเรา BKK DIAMOND มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการท่านตลอด 24 ช.ม. เรามีหน้าร้านหลายสาขาให้ท่านเลือกใช้บริการ มีเครื่องตรวจสอบทองซึ่งจะช่วยให้คุณขายได้ราคาเต็มมูลค่า เพราะเราให้ราคาซื้อ-ขายตามมาตรฐานการรับซื้อทองโดยอ้างอิงจากราคาทองรายวันสมาคม ทั้งนี้เรากล้าการันตีเลยว่าทางเราไม่มีการกดราคาทอง หรือเครื่องประดับทองของคุณแน่นอน นอกจากนี้เรายังมีช่องทางการส่งต่อเครื่องประดับทองของคุณถึงกลุ่มลูกค้า END USER โดยตรงไม่ผ่านคนกลาง ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้ราคารับซื้อสูงสุดตามราคาตลาดแน่นอน
หากใครไม่สะดวกเดินทางมาหน้าร้านด้วยตัวเอง ทางเรามีบริการ EXCLUSIVE PRIVATE หรือบริการรับซื้อถึงที่โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ มั่นใจ ปลอดภัย เพราะพนักงานทุกคนผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และได้รับวัคซีนโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้คุณสามารถซื้อ-ขายได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องโควิด เพียงแค่เลือกวันเวลาที่คุณสะดวกและนัดหมายล่วงหน้าเราได้ตลอด 24 ชม. ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกท่านมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้บริการกับเรา